ดาวโจนส์บวก 196 จุดก่อนหยุดยาวคริสต์มาส

ดาวโจนส์บวก 196 จุดก่อนหยุดยาวคริสต์มาส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดวันพฤหัสบดี(23ธ.ค.)ปรับตัวขึ้น 196 จุด ก่อนถึงวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันซื้อขายวันสุดท้ายของสัปดาห์ก่อนที่ตลาดจะหยุดยาวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

 ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 196.67 จุด หรือ 0.55% ปิดที่ 35,950.56 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 29.23 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 4,725.79 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 131.48 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 15,653.37 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ได้แรงหนุนจากหุ้นตัวใหญ่ที่พุ่งขึ้น หุ้นดาว อิงค์ +2.42% ซิสโก้ +2.12% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ +2.02% หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส +1.99% และเชฟรอน +1.46%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นต่อเป็นวันที่ 3 หลังจากปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (22 ธ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในไตรมาส 3

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลการวิจัยครั้งล่าสุดที่ระบุว่า ความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา

ขณะที่ในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกไม่มีการเปลี่ยนแปลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยอยู่ที่ระดับ 205,000 รายหลังมีการปรับตัวเลข ซึ่งตรงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากกระเตื้องขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนต.ค.

อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.

ในเวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยด้วยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (พีซีอี) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีพีซีอีพื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.7% ในเดือนพ.ย. หลังจากปรับขึ้น 4.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในช่วงต่อไปของวันนี้ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน