ธอส.ลดดอกกู้สูงสุด0.5% ช่วยลูกหนี้สิ้นสุดพักชำระ

ธอส.ลดดอกกู้สูงสุด0.5% ช่วยลูกหนี้สิ้นสุดพักชำระ

ธอส.เตรียมออกมาตรการลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25-0.50% ให้แก่ลูกหนี้ที่อยู่ในมาตรการพักหนี้ 1.13 แสนล้านบาท หวังให้มีความสามารถในการชำระหนี้หลังสิ้นสุดมาตรการพักหนี้ในสิ้นปีนี้ เพื่อลดปัญหาหนี้เสีย

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.)เปิดเผยว่า ธอส.พร้อมที่จะช่วยเหลือลูกหนี้ที่อยู่ในมาตาการช่วยเหลือต่อเนื่อง พร้อมกับปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้อีกประมาณ 0.25-0.50% และลดเงินงวดลง เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อช่วยลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ให้เกิดปัญหาหนี้เสีย

โดยธนาคารแห่งประเทศไทยจะขยายมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน มีระยะเวลา 2 ปี คือ ปี 2565-66 โดยจะออกประกาศราชกิจจาในวันศุกร์นี้ ดังนั้น แบงก์รัฐก็ต้องออกมาตรการมารองรับ

“ทางแบงก์ชาติมีความกังวลว่า ในส่วนของลูกหนี้ที่หยุดพักการชำระหนี้นั้น เมื่อสิ้นสุดมาตรการแล้ว จะสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนั้น จึงได้ออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค.นี้”

ทั้งนี้ ในส่วนของธอส.จะช่วยลูกหนี้ที่ยังอยู่ในมาตรการ 1.13 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยู่นอกมาตรการประมาณ 6 หมื่นล้านบาทและกลุ่มที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลืออีกประมาณ 6 หมื่นล้านบาท

“เมื่อแบงก์ชาติประกาศมาตรการออกมาแล้ว ทางธอส.จะเปิดให้ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวได้เข้าร่วมมาตรการ โดยรายใดที่สามารถชำระหนี้ได้ในสัดส่วนที่มาก เราจะลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้มากสุด 0.50%ต่อปี ส่วนรายใดที่ผ่อนชำระน้อย เราก็จะลดดอกเบี้ยให้น้อยหรือต่ำสุดประมาณ 0.25%”

เขากล่าวด้วยว่า ในส่วนของธอส.ก็มีความกังวลสำหรับลูกหนี้ในกลุ่มที่หยุดพักชำระหนี้ที่มีมูลหนี้ประมาณ 6 หมื่นล้านบาทว่าจะสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ หากไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็อาจจะส่งผลต่อปัญหาหนี้ของธนาคาร

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้ไว้สูงถึง 179% ของสินเชื่อที่มีปัญหา ซึ่งสามารถรองรับหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท

สำหรับหนี้เสียของธนาคารนั้น ล่าสุดอยู่ที่ 4.26% ของสินเชื่อคงค้าง หรือประมาณ 6.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นอัตราที่ทยอยปรับขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2563 ที่อยู่ที่ประมาณ 4%

ด้านสินเชื่อของธนาคารนั้น ในปีนี้ คาดว่า จะสามารถปล่อยได้เกินเป้าหมาย โดยปล่อยได้สูงถึง 2.4 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 2.15 แสนล้านบาท ส่วนปีหน้า จะขยายเพิ่มจากเป้าหมาย 2.15 แสนล้านบาท อีก 3%

“ในสถานการณ์ที่ผ่านมา เป็นโอกาสของผู้ที่มีกำลังซื้อ โดยที่นโยบายรัฐก็ออกมาอุดหนุน บวกกับ อัตราดอกเบี้ยต่ำและราคาบ้านก็ลดลง โดยเฉพาะบ้านมือสองที่ราคาลดลงประมาณ 30%”

สำหรับปีหน้านั้น ก็ยังเป็นโอกาสของผู้ซื้อ เพราะดอกเบี้ยยังขยับไม่มาก โดยประเมินธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นประมาณ 0.25% ในช่วงไตรมาสสองหรือสาม ซึ่งธอส.เองก็ต้องปรับขึ้นตาม แต่คิดว่า จะไม่กระทบต่อภาพรวมของสินเชื่อบ้าน

เขายังกล่าวการนำดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการของธนาคารด้วยว่า ธอส.จะนำระบบดิจิทัลคอนแทค หรือ การทำสัญญาดิจิทัล ซึ่งจะทำให้กระบวนการพิจารณาสินเชื่อระหว่างธนาคารกับลูกค้าอยู่บนระบบดิจิทัล โดยที่ลูกค้าไม่ต้องมาที่ธนาคาร

“การลงนามในสัญญาก็ทำเป็นแบบดิจิทัล ซึ่งลูกค้าจะมาธนาคารเพียงครั้งเดียวในวันที่ยื่นเอกสารตัวจริง ซึ่งระบบนี้ จะทำให้การอนุมัติสินเชื่อทำได้อย่างรวดเร็วภายใน 48 ชั่วโมง หากข้อมูลครบถ้วน สามารถไปทำสัญญาจำนองที่กรมที่ดินกับธนาคารได้เลย”