กมธ.ตำรวจ เผยตร.สรุปผลสืบสวน"คดีบอส" ธ.ค.นี้ "4จนท."เอี่ยวเปลี่ยนความเร็ว

กมธ.ตำรวจ เผยตร.สรุปผลสืบสวน"คดีบอส" ธ.ค.นี้ "4จนท."เอี่ยวเปลี่ยนความเร็ว

กมธ.ตำรวจ สภาฯ เผยความคืบหน้าเรียกตร.ความคืบหน้าคดีบอส พบ "4จนท." เกี่ยวข้องเปลี่ยนความเร็ว คาดสรุปผลธ.ค.นี้

ที่รัฐสภา นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะกมธ.การตำรวจ แถลงข่าวถึงความคืบหน้าคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ว่า วันนี้มีผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ประกอบไปด้วย ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจนครบาล 5 ผู้แทนสำนักงานจเรตำรวจ ผู้แทนกองการต่างประเทศ และผู้แทนสน.ทองหล่อ เข้าร่วมประชุม

โดยกมธ.ได้ติดตามการดำเนินการติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฏหมาย ซึ่งสตช. โดยกองการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ได้ทำหนังสือประสานไปยังประเทศต่างๆ เพื่อเสาะแสวงหาสถานที่อยู่ของผู้ต้องหา ปัจจุบันได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศ และตำรวจสากลได้ออกหมายแดงในคดีนี้แล้ว กรณีที่กมธ.เสนอให้นำมาตรการเชิงรุกมาใช้ในการติดตามตัวผู้ต้องหา เช่น ให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปต่างประเทศเพื่อติดตามตัว ได้รับคำชี้แจงว่า มีปัญหาขัดข้องในเรื่องงบประมาณ

นายสัญญา กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการไม่ให้ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้แทนสำนักงานจเรตำรวจ ได้นำเสนอภาพรวมการตรวจสอบของ สตช. ว่า มีเจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาทั้งสิ้น 18 ราย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถมีทั้งสิ้น 4 ราย ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และคาดว่าจะทำรายงานสืบสวนแล้วเสร็จภายในเดือนธ.ค.นี้ แต่ยังมีหลายประเด็นที่การตอบคำถามของผู้แทน สตช. ยังไม่มีความคืบหน้าและความชัดเจนเพียงพอ

รวมทั้งกมธ.ยังมีการหารือกรณีที่ ส.ส. ตั้งกระทู้ถามในสภาฯ เรื่องการดำเนินการดังกล่าว หลังจากนี้คงจะมีการหารือร่วมกันระหว่างกมธ.การตำรวจ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน เพื่อประชุมร่วมกันในเรื่องนี้ พร้อมทั้งจะเชิญผู้แทน สตช. ที่อยู่ในระดับนโยบาย มาชี้แจงต่อกมธ. ด้วย เพื่อให้การคำตอบคำถามจะได้ประเด็นที่ครบถ้วน

นายสัญญา กล่าวด้วยว่า ในการประชุมกมธ.การตำรวจในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมร่วมกับกมธ.การกฎหมายฯ เพื่อหารือกรณีการดำเนินการของ สตช. ที่ปรากฎในสื่อออนไลน์ต่างๆ ว่า สถานบันเทิงที่เปิดให้บริการโดยไม่มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการลักลอบเปิดบ่อนการพนันที่จ.เพชรบูรณ์

เมื่อถามว่า การที่ตำรวจสอบถามไปยังประเทศต่างๆ ได้ความชัดเจนหรือไม่ว่า นายวรยุทธ อยู่ประเทศไหน นายสัญญา กล่าวว่า ได้สันนิษฐานตามความน่าจะเป็นคาดว่าอยู่ประเทศออสเตรีย เราได้สอบถามว่ามีหลักฐานหรือไม่ แต่ไม่ได้รับการยืนยัน เพราะวีซ่าต่างๆ ที่มีอยู่หมดอายุแล้ว และไม่ปรากฎว่ามีการใช้ผ่านยังไปยังประเทศออสเตรีย

เมื่อถามว่า ส่วนจะมีการเชิญครอบครัวหรือคนใกล้ชิดของนายวรยุทธด้วยหรือไม่ เพื่อสอบถามที่อยู่ชัดเจน นายสัญญา กล่าวว่า ยังไม่ได้เชิญ และคงไม่จำเป็น เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง ในส่วนกมธ.จะเชิญเจ้าหน้าที่เป็นหลัก เพื่อสอบถามเรื่องการปฏฺิบัติหน้าที่ เนื่องจากกมธ.มุ่งเน้นในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่บังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก เชื่อว่าในส่วนญาติเขาคงจะปกป้องคนในครอบครัว แต่ผู้ที่ถืออำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย มีหน้าที่ในการหาพยานหลักฐานหรือสืบเสาะ ซึ่งก็มีวิธีการหรือมาตรการเของเจ้าหน้าที่อยู่ ส่วนระยะเวลาสืบสวนข้อเท็จจริงคดีนี้ว่า มีเจ้าหน้าที่ไปอำนวยความสะดวกหรือช่วยเหลือผูเ้ต้องหาหรือไม่ ได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงระยะเวลาล่าช้า แต่เขายืนยันว่าจะสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จใจเดือนธ.ค.นี้.