คมนาคมสั่งลุยพีพีพี มิกซ์ยูส “หัวลำโพง” 120 ไร่

คมนาคมสั่งลุยพีพีพี มิกซ์ยูส “หัวลำโพง” 120 ไร่

สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ตำนานศูนย์กลางการเดินทางด้วยระบบรางมานาน 105 ปี นับตั้งแต่เปิดบริการเมื่อ 25 มิ.ย.2459 กำลังจะหยุดให้บริการรถไฟเข้าสถานีตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ พร้อมพลิกโฉมพื้นที่ 120 ไร่ ปั้นโครงการเชิงพาณิชย์มิกซ์ยูส

 

ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพัฒนาสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อสั่งการเพิ่มเติม ประกอบด้วย 

1.การพัฒนาพื้นที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ควรให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เร่งพิจารณาแนวทางการหยุดบริการรถไฟเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยเร็ว เพื่อให้มีความชัดเจนในการเริ่มพัฒนาบริเวณสถานี

2.การศึกษาการพัฒนาพื้นที่ ให้บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ร.ฟ.ท.ที่อาจพิจารณาการออกแบบที่แตกต่างจากเดิมคือ ประกวดแบบการพัฒนา โดยให้นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Land Developer) ร่วมแข่งขันเพื่อให้มีแนวความคิดหลากหลาย

3.การลงทุนของโครงการ ร.ฟ.ท.และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ควรพิจารณารูปแบบการลงทุน และหากพิจารณาแล้วว่าการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อ ร.ฟ.ท.มากที่สุด เห็นควรให้ทำตามกฎหมายคู่ขนานเพื่อไม่ให้โครงการล่าช้า

นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวมีประวัติศาสตร์ยาวนาน ตั้งอยู่กลางเมือง และเข้าถึงง่ายด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและรถไฟฟ้าสายสีแดงในอนาคต จึงควรนำมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยให้เป็นศูนย์คมนาคมกลางเมือง รวมถึงจัดสรรพื้นที่บางส่วนสำหรับเชิงพาณิชย์ให้ทันสมัย โดยคงอัตลักษณ์เดิม สอดคล้องความสมัยใหม่ และรูปแบบการดำเนินชีวิต

รวมทั้งจะเปิดบริการสถานีบางซื่ออย่างเป็นทางการเดือนพ.ย.2564 และให้รถไฟทุกขบวน โดยเฉพาะรถไฟทางไกลเปลี่ยนมาสิ้นสุดสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งปัจจุบันมีรถไฟที่ให้บริการ 198 ขบวน เพราะประเมินการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนถนน ใช้ประโยชน์จากสถานีกลางบางซื่อให้คุ้มค่าเพื่อเป็นศูนย์กลางการขนส่งระดับอาเซียน

คมนาคมสั่งลุยพีพีพี มิกซ์ยูส “หัวลำโพง” 120 ไร่

รายงานข่าวจาก ร.ฟ.ท.ระบุว่า เอสอาร์ทีกำลังทบทวนแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์แปลงใหญ่หลายแห่ง รวมถึงสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) คาดว่าการประชุมคณะกรรมการ ร.ฟ.ท.วันที่ 18 พ.ย.นี้ จะมีรายงานความคืบหน้าและแนวทางการพัฒนาตลอดเส้นทางบางซื่อ-หัวลำโพง หลังจากนั้นเดือน ธ.ค.2564 จะเสนอแบบการพัฒนาเสมือนจริงให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา

สำหรับแผนพัฒนาโครงการดังกล่าวนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เน้นให้พัฒนาโครงการแนวสูงเป็น “คอมมูนิตี้มอลล์” ที่ใช้พื้นที่คุ้มค่าเพื่อสร้างรายได้สูงสุดให้ ร.ฟ.ท. ซึ่งจะนำมาพัฒนา 120 ไร่ มูลค่าที่ดิน 1.44 หมื่นล้านบาท แบ่งการพัฒนาแบ่งเป็น 5 พื้นที่ คือ

โซน A จำนวน 16 ไร่ บริเวณอาคารสถานีหัวลำโพงและพื้นที่สาธารณะจัดทำเป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์และพัฒนาทัศนียภาพ

โซน B จำนวน 13 ไร่ ปรับปรุงอาคารให้เป็นไปตามแนวทางอนุรักษ์

โซน C จำนวน 22 ไร่ ปัจจุบันเป็นพื้นที่โรงซ่อมรถรางและรถโดยสาร พัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในรูปแบบปิดและเปิด เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร พื้นที่กิจกรรม และจะปรับปรุงเป็น Water front Promenade เลียบครองผดุงกรุงเกษม ดูต้นแบบจากเวนิส ประเทศอิตาลี

โซน D จำนวน 49 ไร่ ปัจจุบันเป็นพื้นที่ชานชาลา ทางรถไฟ และย่านสับเปลี่ยน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อทั้งระบบการสัญจรและพื้นที่ฝั่งเมือง มีแผนพัฒนาได้ในหลายรูปแบบ โดยพัฒนาเป็นโครงการผสมผสาน (มิกซ์ยูส) ลักษณะ Lifestyle mixed-use รองรับธุรกิจโรงแรม อาคารสำนักงาน รวมทั้งที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าและพื้นที่จัดแสดง โดยยึดต้นแบบโตเกียว มิดทาวน์ (Tokyo Midtown) ประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้จะพัฒนาโซน E จำนวน 20 ไร่ บริเวณอาคารสำนักงาน ร.ฟ.ท.ตึกคลังพัสดุเดิม เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์รูปแบบ Urban mixed-use อาทิ โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์กิจกรรม รวมถึงพื้นที่ให้ร่มรื่นผสมผสานความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเชื่อมต่อรูปแบบสิ่งปลูกสร้างเชิงอนุรักษ์โครงสร้างอาคารเดิม ซึ่งมีระยะห่างกันไม่เกิน 500 เมตร ตลอดแนวคลองและได้ศึกษาชุมชนริมน้ำ โดยยึดต้นแบบโครงการ Suzhou Creek เมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน

 

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์