พาณิชย์เผยไตรมาส 3 ธุรกิจสมุนไพร-เครื่องเทศ-กัญชง ยอดตั้งพุ่ง จากโควิด-19

พาณิชย์เผยไตรมาส 3 ธุรกิจสมุนไพร-เครื่องเทศ-กัญชง ยอดตั้งพุ่ง จากโควิด-19

พาณิชย์ เผย พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากโควิด-19 ทำยอดธุรกิจจัดตั้งใหม่ไตรมาส 3 ทั้งธุรกิจสร้างแม่ข่าย ธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์ พุ่ง กว่าเท่าตัว ขณะที่ยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่เดือนก.ย.จำนวน5,820 ราย เพิ่มขึ้น 5 %

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า  เปิดเผยว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่จำนวน 17,034 ราย เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563) และลดลง 3% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564) ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 มีจำนวน 3,819 ราย ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563) แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาสที่ 2 ของปี 2564) เพิ่มขึ้น 56%

 โดยกลุ่มธุรกิจที่มีจำนวนการจดทะเบียนเลิกสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างทั่วไป จดเลิกเพิ่มขึ้น 115 ราย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จดเลิกเพิ่มขึ้น 62 ราย  และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารจดเลิกเพิ่มขึ้น 32 ราย โดยธุรกิจก่อสร้างทั่วไป และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ติดอันดับจัดตั้งสูงที่สุดในไตรมาสที่ 3 ปี 2564 เช่นกัน

พาณิชย์เผยไตรมาส 3 ธุรกิจสมุนไพร-เครื่องเทศ-กัญชง ยอดตั้งพุ่ง จากโควิด-19

“การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ในบางธุรกิจสอดรับกับพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เช่น ธุรกิจสร้างแม่ข่าย มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 172 ราย เพิ่มขึ้น 6 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และธุรกิจปลูกพืชประเภทเครื่องเทศ เครื่องหอม ยารักษาโรค และพืชทางเภสัชภัณฑ์มีจำนวนจัดตั้งใหม่ทั้งสิ้น 44 ราย เพิ่มขึ้น 4 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน “

นอกจากนี้การที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้โรงพยาบาลของรัฐนำสมุนไพรมาใช้ในการรักษาโรคควบคู่กับการใช้ยาแผนปัจจุบัน การปลดล็อคกัญชงให้สามารถขออนุญาตปลูก ผลิต นำเข้าเมล็ดพันธุ์ ครอบครอง และจำหน่ายได้ รวมถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มูลค่าการบริโภคสมุนไพรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการที่มองเห็นช่องทางในการปรับเปลี่ยนธุรกิจจึงหันมาจัดตั้งธุรกิจประเภทนี้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การผ่อนปรบมาตรการล็อคดาวน์ และจำนวนผู้ได้รับวัคซีนในประเทศที่เพียงพอ รวมทั้งนโยบายการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะเป็นปัจจัยที่สร้างความเชื่อมั่นที่ดีในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ผู้ประกอบธุรกิจจึงควรปรับตัว และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

นายทศพล กล่าวว่า  สำหรับจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศเดือนก.ย.2564 มีจำนวน 5,820 ราย เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนส.ค. 2564 ในขณะที่การจดทะเบียนเลิกธุรกิจ มีจำนวน 1,503 ราย  ลดลง 4% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้าส.ค.เพิ่มขึ้น 28% โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 13,973.77 ล้านบาท โดย ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 680 ราย คิดเป็น 12% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 248 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึง    คนโดยสาร จำนวน 188 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ

ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น  (ณ วันที่ 30 ก.ย. 64) ธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน 810,509 ราย  มูลค่าทุน 19.41 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 197,398 ราย คิดเป็น 24.35% บริษัทจำกัด จำนวน 611,799 ราย คิดเป็น 75.48% และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,312 ราย คิดเป็น 0.16% ตามลำดับ

ด้านการลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าวในเดือนก.ย. 2564 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น มีจำนวน 60 ราย เพิ่มขึ้น 15% จากเดือนส.ค.ที่มีจำนวน 52 ราย  แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจจำนวน 29 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจจำนวน 31 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 4,864 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 16 ราย เงินลงทุน 478 ล้านบาทรองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 162 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 145 ล้านบาท ตามลำดับ

ส่วนยอดการลงทุนของธุรกิจคนต่างด้าว 9 เดือน คือตั้งแต่ ม.ค.-ก.ย.มี คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 376 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 50,602 ล้านบาท