รอเซอร์ไพรส์! พท.อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯ-“บิ๊กตู่”ต้องทูลเกล้าฯ รธน.ตามกรอบ

รอเซอร์ไพรส์! พท.อุบชื่อแคนดิเดตนายกฯ-“บิ๊กตู่”ต้องทูลเกล้าฯ รธน.ตามกรอบ

"หมอชลน่าน" ชี้ นายกฯ ไม่มีอำนาจตรวจสอบร่างแก้ไข รธน. ยันต้องยื่นทูลเกล้าฯ ตามกรอบ อุบรายชื่อแคนดิเดตนายกฯพรรค โวมีเซอร์ไพรส์ เผยยังไม่หารือยื่นอภิปรายทั่วไปตาม ม.152

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2564 นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการยื่นทูลเกล้าฯ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะบทบัญญัติรัฐธรรมนูญเขียนแยกไว้ต่างหากในมาตรา 256 ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เขียนโยงไปถึงขั้นตอนนำทูลเกล้าว่า เมื่อรอไว้ 15 วัน แล้วก็ดำเนินการตามมาตรา 81 ซึ่งจะโยงไปถึงมาตรา 145 นายกรัฐมนตรีมีเวลา 20 วัน ซึ่งจะต้องนำทูลภายใน 20 วัน จะทำเป็นอย่างอื่นไม่ได้ 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ไม่มีอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญใดที่จะไปตรวจสอบความชอบของร่างดังกล่าว แต่ที่จะตรวจสอบร่างฯได้ก็บัญญัติไว้เฉพาะในมาตรา 256(9) เป็นหน้าที่ของ  ส.ส. และ ส.ว. รวมรายชื่อหนึ่งในสิบ ยื่นตรวจสอบ และสามารถตรวจสอบได้ 2 เรื่อง คือ

1.เรื่องที่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญมาตรา 255 ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง แบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ และ

2.เรื่องการทำประชามติ ว่าจะต้องทำก่อนหรือไม่ 

นายแพทย์ชลน่าน ยังกล่าวถึง กรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งหนังสือเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้กับพรรคการเมืองว่า จะเรียกว่าเป็นส่งสัญญาณเลือกตั้งครั้งใหม่ก็ได้ เพราะตามกฎหมายเดิม กำหนดให้พรรคมีเขตเลือกตั้ง 350 เขต เท่าที่มีการตรวจสอบของ กกต. มีหลายพรรคการเมืองที่ยังไม่ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ จึงอาจเป็นการเตือนหรือส่งสัญญาณจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ว่าถ้าพรรคการเมืองไม่ทำจะไม่มีสิทธิส่งผู้สมัคร ส่วนจะมีการส่งสัญญาณถึงการยุบสภาหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่จะคิด

ส่วนที่หลายพรรคได้มีการเปิดตัว แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้น นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทยยังขอไม่เปิดเผยขอให้รอเซอร์ไพรส์ โดยรับรอบประชาชนจะตกใจอย่างแน่นอน เปิดตอนนี้ก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยและบุคคลที่จะถูกเปิดชื่อก็อาจจะเป็นเป้าหมายที่ถูกทำลายได้ เพราะการเมืองขณะนี้ไม่ใช่การเมืองในภาวะปกติ ต้องระมัดระวังตัว

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึง การเตรียมความพร้อมในการยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 แบบไม่ลงมติว่า ตามรัฐธรรมนูญฝ่ายค้านมีสิทธิที่จะยื่นในสมัยประชุมต่อไป ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายค้านก็มีการพิจารณากันอยู่เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้หลายเรื่อง และรัฐบาลก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้ ซึ่งก็เป็นภาวะวิกฤติที่เหมาะสมที่จะยื่นตามมาตรา 152 แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่แน่ชัดในการยื่น เป็นเพียงแนวทางที่ได้มีการพูดคุยกันไว้