ปลุกกระแส ‘เราเที่ยวด้วยกันเฟส3’ เร่งฟื้นตลาดคนไทยปูทางต้อนรับต่างชาติ

ปลุกกระแส ‘เราเที่ยวด้วยกันเฟส3’  เร่งฟื้นตลาดคนไทยปูทางต้อนรับต่างชาติ

ใกล้ถึงฤกษ์เปิดจองใช้สิทธิโครงการรัฐ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” กระตุ้นตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ ให้เริ่มจองโรงแรมที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.2564-23 ม.ค.2565 และเดินทางได้จริงตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.64-31 ม.ค.65 หลังจากเปิดระบบให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา

สำหรับเงื่อนไขของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ซึ่งให้สิทธิจำนวน 2 ล้านสิทธิใหม่ รัฐช่วยจ่ายค่าที่พัก 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน (สูงสุด 15 ห้องหรือคืน) รวมถึงให้คูปองเพื่อใช้เป็นส่วนลด 40% ค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ มูลค่าสูงสุด 600 บาทต่อวัน (ทุกวัน รวมสูงสุด 15 วัน) โดยผู้ใช้สิทธิเป็นคนจ่ายเอง 60% เมื่อเช็กอินเข้าที่พักแล้วเสร็จ จะได้รับคูปองเป็นรายวันทันที หลังเวลา 17.00 น.

ในกรณีเดินทางด้วยเครื่องบิน จะได้สิทธิเงินคืนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาท (เฉพาะจังหวัดท่องเที่ยวที่กำหนดเท่านั้น) จำกัดห้องพักละ 2 ที่นั่ง ตามจำนวนห้องที่เข้าพักจริง แต่รวมไม่เกิน 30 ที่นั่ง ซึ่งสามารถลงทะเบียนขอเงินคืนได้ที่เว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com หลังท่องเที่ยวและเช็กเอาต์โรงแรมแล้ว

มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมต่างใจจดใจจ่อรอโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ให้นักท่องเที่ยวไทยได้จองโรงแรมที่พักและใช้สิทธิ

“ในช่วงนี้ต้องมุ่งทำการตลาดดึงนักท่องเที่ยวภายในประเทศก่อน ระหว่างรอการขยายพื้นที่นำร่องเปิดประเทศมากขึ้น”

โดยวานนี้ (27 ก.ย.) สมาคมฯได้จัดสัมมนาออนไลน์โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 สำหรับผู้ประกอบการโรงแรม

อ่านข่าว : ศบค. กางแผน "พื้นที่นำร่อง" ท่องเที่ยว 1 พ.ย. นี้ เปิด 10 จังหวัด

กฤษณะ แก้วธำรงค์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวภายในงานฯว่า ที่ผ่านมาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ถูกเลื่อนเปิดดำเนินการมาหลายครั้ง ด้วยปัจจัยสถานการณ์โควิด-19 ระบาดภายในประเทศและการกระจายวัคซีน

แต่เนื่องจากการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นตลาดสำคัญ! เมื่อคนไทยได้รับการฉีดวัคซีนมากขึ้น กล้าออกเดินทางท่องเที่ยว แน่นอนว่าจะส่งผลดีต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย เพราะได้เห็นภาพความเคลื่อนไหว กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และความพร้อมของภาคท่องเที่ยวไทย ช่วยสร้างโอกาสที่ดีรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยเดินทางกลับมาเที่ยวไทย โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวหรือ “ไฮซีซั่น” ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งตลาดระยะใกล้และระยะไกล

ปลุกกระแส ‘เราเที่ยวด้วยกันเฟส3’  เร่งฟื้นตลาดคนไทยปูทางต้อนรับต่างชาติ

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. บอกว่า โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” จำนวน 2 ล้านสิทธิ และโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” จำนวน 1 ล้านสิทธิ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวตลาดภายในประเทศให้ถึงเป้าหมายของปี 2564 ที่ประมาณ 90 ล้านคน-ครั้ง หรือไม่ต่ำกว่าตัวเลขเมื่อปี 2563 โดยตอนนี้คาดหวังว่าจะเกิดการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 100 ล้านคน-ครั้ง

“แม้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ จะยังพบยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในระดับสูง แต่ก็ได้ปรับลดลงจากช่วงที่ผ่านมาแล้ว ทำให้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ประชาชนเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวหลังคลายล็อกดาวน์มากขึ้น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ เช่น เขาใหญ่ หัวหิน และพัทยา ประกอบกับกำลังเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นในไตรมาส 4 นี้ น่าจะเห็นกระแสการเดินทางคึกคักขึ้น”

ขณะเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจแล้วว่าการท่องเที่ยวในตอนนี้และต่อจากนี้จะต้องเป็นรูปแบบวิถีปกติใหม่ (นิวนอร์มอล) ต้องระมัดระวังตัวในการท่องเที่ยวมากขึ้น โดยระยะแรกอาจเริ่มเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลกับคนในครอบครัวก่อน หลังจากนั้นถึงจะเริ่มเดินทางระยะไกลมากขึ้น

“ส่วนเรื่องของกำลังซื้อ อาจไม่ได้เห็นการใช้จ่ายต่อครั้งที่มากนัก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมส่งผลให้กำลังซื้อด้านท่องเที่ยวลดลง แต่จะได้เรื่องจำนวนความถี่ในการเดินทางที่เพิ่มมากขึ้น เข้ามาทดแทนตัวรายได้ที่ลดลง” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว

ด้านกรด โรจนเสถียร คณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและนายกสมาคมสปาไทย กล่าวในฐานะประธานภาคเอกชนของโครงการ “หัวหิน รีชาร์จ” ว่า ในช่วงวันหยุดยาวเดือน ต.ค.นี้ แนวโน้มตลาด “ไทยเที่ยวไทย” เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น คนไทยเริ่มออกเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มกลับมามีรอยยิ้มกันอีกครั้ง ประกอบกับมีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย ที่กำลังจะเปิดให้จองสิทธิและเริ่มเดินทางได้ เข้ามาช่วยตอบโจทย์คนที่อยากเที่ยวในตอนนี้

“อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าการเที่ยวของคนในประเทศก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อโควิด-19 ได้เช่นกัน มาตรการการป้องกันการระบาด โดยเฉพาะจุดคัดกรองต่างๆ จึงยังมีความจำเป็น รัฐบาลเองต้องมีความชัดเจนในการตรวจคัดกรองมากที่สุดด้วย”

อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากกระตุ้นนักเดินทางชาวไทยหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้ว "ประเทศไทย" ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางการหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกที่สนใจเดินทางมาเยือนเช่นกัน การเร่งฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวไทย และตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้กลับมาคึกคัก จะเป็นแรงส่งที่ดีในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติรับแผนเปิดประเทศในอนาคตอันใกล้