‘ดาวโจนส์’ทะยาน506จุดเหตุนลท.คลายกังวลวิกฤตเอเวอร์แกรนด์

‘ดาวโจนส์’ทะยาน506จุดเหตุนลท.คลายกังวลวิกฤตเอเวอร์แกรนด์

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพฤหัสบดี (23ก.ย.)ทะยาน 506 จุดบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคลายกังวลเกี่ยวกับวิกฤตหนี้ของเอเวอร์แกรนด์ และ ขานรับผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 506.50 จุด หรือ 1.48% ปิดที่ 34,764.82 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 53.34 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 4,448.98 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 155.40 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 15,052.24 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวันพุธ หลังจากเฟดไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) โดยส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลดคิวอีในไม่ช้านี้ ซึ่งบ่งชี้ว่า เฟดยังไม่เร่งถอนมาตรการกระตุ้นทางการเงินซึ่งเฟดได้นำมาใช้เพื่อพยุงเศรษฐกิจในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
 

นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความชัดเจนในการชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานวันนี้ว่า ทางการจีนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของจีนเตรียมรับมือการล้มละลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปที่อาจเกิดขึ้น

คำเตือนดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนไม่มีความประสงค์ที่จะเข้ากอบกู้กิจการของเอเวอร์แกรนด์ แต่จะเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมของจีน หากเอเวอร์แกรนด์ต้องประสบกับภาวะล้มละลายในที่สุด

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้แจ้งให้เอเวอร์แกรนด์ชำระหนี้หุ้นกู้สำหรับนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์


ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดในวันนี้ โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินหยวนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565

นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ยังมีดอกเบี้ยที่รอการชำระอีกในวันที่ 29 ก.ย.จำนวน 47.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567

หากเอเวอร์แกรนด์ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ตามกำหนด ทางบริษัทก็จะมีเวลาอีก 30 วันหลังวันครบกำหนดชำระเพื่อหาทางจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้

ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เอเวอร์แกรนด์ได้ผิดนัดชำระดอกเบี้ยเงินกู้ต่อธนาคารเจ้าหนี้อย่างน้อย 2 แห่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เอเวอร์แกรนด์ ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

ทั้งนี้ เอเวอร์แกรนด์มีตราสารหนี้เชิงพาณิชย์มูลค่ารวม 2.057 แสนล้านหยวน (3.2 หมื่นล้านดอลลาร์) หรือราว 1 ล้านล้านบาท ณ สิ้นปี 2563

นอกจากนี้ เอเวอร์แกรนด์ ยังมีหนี้สินมากกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับ 2% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน หลังจากที่บริษัทได้ทำการกู้เงินมาเป็นเวลาหลายปีเพื่อรองรับการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน