ปรับตัวขึ้น เก็งกำไร TOP TU APURE (23 ก.ย. 64)

ปรับตัวขึ้น เก็งกำไร TOP TU APURE (23 ก.ย. 64)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดดัชนีฯ ปรับตัวขึ้น แนวต้าน 1625 / 1635 จุด แนวรับ 1615 / 1600 จุด แนะนำ เก็งกำไร TOP TU APURE

ทางเทคนิค ระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจากเมื่อวานนี้ หลังจากเฟดยังไม่กำหนดไทม์ไลน์ลด QE ในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ดี การปรับสูงขึ้นของดัชนีฯ อาจเป็นเพียงชั่วคราว เพราะเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกเร็วขึ้นเป็นปีหน้า และภาพระยะกลางทางเทคนิคที่ยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน หากดัชนีฯ ไม่สามารถปิดเหนือ แนวต้านสำคัญบริเวณ 1635 จุด ได้

กลยุทธ์ลงทุน: แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่ได้รับผลบวกจากการปรับตัวขึ้นของสินทรัพย์เสี่ยง ทั่วโลก 1) กลุ่มโรงกลั่น ซึ่งคาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ USD72/บาร์เรล หุ้นแนะนำ PTTEP TOP ESSO 2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น (เงินบาทอ่อนค่า) หุ้นแนะนำ TU SUN APURE

ปัจจัยบวก: 1) ผลประชุมเฟดวานนี้ ส่งสัญญาณเพียงว่าจะทำ QE Tapering เร็ว ๆ นี้ โดยตลาดคาดว่าจะกำหนดไทม์ไลน์ชัดเจนในการประชุมเฟดครั้งต่อไป ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยง ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นบวกต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นไทย 2) การกลับมาดีดตัวแรงอีกครั้งของราคาน้ำมันเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงกลั่น ซึ่งมีน้ำาหนักต่อดัชนีฯ สูง เป็นปัจจัยหนุนให้ดัชนีฯ ปรับตัวสูงขึ้นได้ในวันนี้

 

ปัจจัยลบ: 1) เฟดปรับลดประมาณการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2021 ลงเป็น 5.9% (จากเดิม 7%) แต่ปรับเพิ่ม 2022-23E GDP เป็น 3.8% และ 2.5% และปรับเพิ่มอัตราเงินเฟ้อ Core PCE Price Inflation ปี 2021 เป็น 3.7% (จากเดิม 3%) ส่วนปี 2022-23 อยู่ที่ 2.3% และ 2.2% 2) กรณี China Evergrande ซึ่งมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อีกหนึ่งตัวได้ในวันนี้ จำนวนประมาณ USD83.53mn ซึ่งหากไม่เห็นการ action ใด ๆ จากทางการจีนในกรณีดังกล่าวทั้งทางตรงและทางอ้อมตามที่ตลาดคาด จะเป็น Nagative Surprise ซึ่งเป็นกดดันการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้น 3) นักลงทุนต่างชาติมีการขายสุทธิทั้งในตลาดหุ้นและ Future รวมถึงเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง สร้างความกังวลถึงการไหลออกของ Fund Flow เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการขึ้นของดัชนีฯ ในวันนี้

 

ประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม

     - Opportunity Day วันนี้ ได้แก่ QTC ECF TSR SAT YGG MBKET INET

     - การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คืนนี้ โดยตลาดจับตาดูเกี่ยวกับการส่งสัญญาณ QE Tapering ว่าจะมีออกมาในรอบนี้หรือไม่

     - ตัวเลขภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นเดือน ก.ย. ของประเทศเศรษฐกิจ ขนาดใหญ่ ออสเตรเลีย EU UK และสหรัฐฯ

     - 2 ตัวเลขสำคัญจากทางฝั่งสหรัฐฯ คือ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ (คาดว่าจะปรับตัวลดลง) และตัวเลข CB Leading Index (คาดว่าจะปรับตัวลดลง)

 

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ดัชนีฯ แกว่งตัว sideway ในช่วงเช้าก่อนที่จะที่ปรับตัวสูงขึ้นในภาคบ่าย ก่อนมาปิดตลาดที่ 1619.59 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด วอลุ่มซื้อขาย 7.9 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 1.58% กลุ่มธนาคาร 1.01% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 0.97% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 0.43% หุ้นบวก >4% TRUE EE LHFG AJ STARK ACE PTL B T AIE CMC RICHY AQ UBIS AS CFRESH BGT หุ้นลบ >4% PDI PPS GREEN BBIK ITEL ILINK IRCP DELTA

+ หุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดบวก: หุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก DJIA +1.0% (+338.48 จุด) S&P500 +0.95% NASDAQ +1.02% หลังจากเฟดส่งสัญญาณการลด QE แบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +1.29% DAX +1.03% FTSE +1.47% ปิดบวกได้ หลังจากที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับกรณี China Evergrande

+ ราคาน้ำมันและทองคำปิดบวก: WTI +USD1.74 ปิดที่ USD72.23/บาร์เรล Brent +USD1.83 ปิดที่ USD76.19/บาร์เรล หลังจากคลังปิโตรเลียมสารองของสหรัฐฯ ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ส่วนราคาทองคำปิดบวกเล็กน้อย +60 เซนต์ ปิดที่ USD1,778.80/ออนซ์ จากการคาดว่าเฟดจะไม่เร่งลด QE
 

ประเด็นสำคัญ
 

+/- USD/THB: เงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ 33.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า 8 สตางค์ จากกระแสเงินทุนที่ไหลออก โดยนอกจากมีการขายสุทธิในหุ้น ยังมีการขายสิทธิในตลาดพันธบัตร ประมาณ 2,000 กว่าล้านบาท ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

+ Oil: EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ลดลง 3.5 ล้านบาร์เรล (Vs คาดการณ์ที่ -2.44 ล้านบาร์เรล) แตะระดับ 413.96 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2018 และบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่แข็งแกร่งในตลาด

- ADB: ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศกาลังพัฒนาปี 2021 ลงสู่ระดับ 7.1% ลดลง จากระดับ 7.2% ที่คาดไว้ในเดือน ก.ค. และ 7.3% ในเดือน เม.ย. โดยปรับลดประมาณการณ์ประเทศไทยปี 2021 ลงมาอยู่ที่ 0.8% จากที่เคยคาดการณ์ที่ 3% และ 4.5% ในปี 2022 เพราะความล่าช้าของวัคซีน

- USA: ยอดขายบ้านมือสองลดลง 2% สู่ระดับ 5.88 ล้านยูนิต ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.89 ล้านยูนิต โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง สต็อกบ้านในระดับต่ำ และราคาวัสดุสร้างบ้านที่พุ่งขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: KCE PTTEP BLA

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: TOP TU APURE

Derivatives: รอเปิด position เก็งกำไรรอบบ่าย จากสัญญาณเทคนิค (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)