Sideway up เก็งกำไร CK PTTEP CRC (22 กันยายน 2564)

Sideway up เก็งกำไร CK PTTEP CRC (22 กันยายน 2564)

คาดดัชนีฯ Sideway up แนวต้าน 1620 / 1630 จุด แนวรับ 1610 / 1600 จุด แนะนำ เก็งกำไร CK PTTEP CRC ทางเทคนิค ระยะสั้นมีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นต่อ หลังปรับขึ้นแรงวานนี้

อย่างไรก็ตาม ภาพระยะกลางที่ยังอยู่ในช่วงการปรับฐาน คาดว่าจะเป็นปัจจัยกดให้การปรับขึ้นของดัชนีฯ เป็นเพียงชั่วคราวและมีจำกัด ก่อนที่จะอ่อนตัวลงไปทดสอบแนวรับ Fibonanci ที่ 1585 จุด โดยไฮไลท์วันนี้อยู่ที่การประชุมเฟดคืนนี้ โดยจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นโลก หาก เฟดส่งสัญญาณไม่เร่งลด QE

กลยุทธ์ลงทุน: แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มีโอกาสเกิด Technical Rebound และกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น จากปัจจัยบวกในวันนี้ 1. กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (ราคายัง Laggard ประกอบกับราคาเหล็กที่ร่วงลงมาเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ แนะนำ CK) 2. กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการรีบาวด์ของราคาน้ำมันดิบโลก หุ้นแนะนำ PTTEP 3. กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ แนะนำ CRC

ปัจจัยบวก: 1) การประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติม หลังวานนี้ครม. ไฟเขียว พ.ร.ก.โรคติดต่อ (+หุ้นกลุ่มค้าปลีกและหุ้นอิงเศรษฐกิจ) 2) Sentiment เชิงบวก จากการคาดว่าผลประชุมเฟดวันนี้ไม่เร่งการทำ QE Tapering และทางการจีนจะไม่ปล่อยให้เกิดการลุกลามของวิกฤติเศรษฐกิจ แม้ Evergrande จะเกิดปัญหาผิดนัดชาระหนี้

ปัจจัยลบ: 1) ตลาดยังคงรอคอยผลการประชุม FOMC ที่จะมีขึ้นในคืนนี้ เพื่อดูความชัดเจนเกี่ยวกับ QE Tapering แม้จะมีการคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้มจะเริ่มส่งสัญญาณการลดวงเงินซื้อพันธบัตรในเดือน พ.ย. แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลว่าจะมี Negative Surprise ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังคงเลือกที่ wait and see จนกระทั่งมีความชัดเจนออกมา 2) OECD เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว แต่ยังคงขยายตัวอย่างไม่เต็มที่นัก เพราะการกระจายวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะประเทศ Emerging Market

ประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องติดตาม

- Opportunity Day วันนี้ ได้แก่ GFPT MSC NNCL DITTO DEMCO TKT

- จีนประกาศดอกเบี้ยนโนบายของทางจีน โดยมีการประกาศ Loan Prime Rate 1 ปี และ 5 ปี คาดว่าจะคงไปที่ 3.85% และ 4.65% ตามลำดับ

- สหรัฐฯ รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ยอดขายบ้านมือสอง ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลง และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบ ซึ่งคาดว่าจะลดลงประมาณ 6 ล้านบาร์เรล

- การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) คืนนี้ โดยตลาดจับตาดูเกี่ยวกับการส่งสัญญาณ QE Tapering ว่าจะมีออกมาในรอบนี้หรือไม่

 

+/-Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา
 

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก: ดัชนีฯ อ่อนตัวลงในช่วงเปิดตลาด ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมายืนในแดนบวกได้ตลอดช่วงที่เหลือของการซื้อขาย และมาปิดตลาดที่ 1614.86 จุด +11.80 จุด วอลุ่มซื้อขาย 8.39 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มธนาคาร +2.71% กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +1.74% กลุ่มขนส่งและโลจิสติกส์ +1.45% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +1.08% หุ้นบวก >4% SCB EE RPC ICN RBF INSET IRCP ITEL TCC BLA SMART TMC KISS BBIK GJS MILL CMC หุ้นลบ >4% DELTA UKEM ACAP TWZ TRC

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนยุโรปปิดบวก: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ โดยตลาดยังกังวลต่อผลกระทบจากการผิดนัดชำระหนี้ของ Evergrande และการเตรียมขึ้นภาษีนิติบุคคลของสหรัฐฯ รวมถึงรอความชัดเจนของผลประชุมเฟดวันนี้ ส่งผลให้ DJIA -0.15% (-50.63 จุด) S&P500 -0.08% แต่ NASDAQ +0.22% ส่วนตลาดหุ้นยุโรปกลับมาปิดบวก CAC40 +1.50% DAX +1.43% FTSE +1.12% จากแรงซื้อคืน หลังร่วงแรงรอบสองเดือน นำขึ้นโดยกลุ่มท่องเที่ยว เหมืองแร่ และพลังงาน

 

+ ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ ปิดที่ USD70.49/บาร์เรล Brent เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ ปิดที่ USD74.36/บาร์เรล คาดสหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันดิบลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 7 ส่วนทองคำขึ้นต่อเนื่อง +USD14.40 ปิดที่ USD1,778.20/ออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากอ่อนค่าของ USD
 

ประเด็นสำคัญ
 

+/- USD/THB: เงินบาทปิดตลาดเย็นวานนี้อยู่ที่ 33.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าเล็กน้อยจากวันทำการก่อนหน้า สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวในภูมิภาค ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ

+ Thailand: ครม. เห็นชอบวาระสำคัญของรัฐบาล ด้วยการยกร่างพ.ร.ก.ควบคุมโรค โดยจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 ก.ย. 2021 ซึ่งจะส่งผลให้ถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ และยังทำให้ศบค. ซึ่งตั้งขึ้นโดยอาศัยอำนาจพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องมีอันสิ้นสภาพไป

+ Japan: คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่า รัฐสภาญี่ปุ่นจะเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 4 ต.ค. นี้ ในการประชุมรอบพิเศษ ซึ่งหมายถึงว่าการเลือกตั้งทั่วไปมีแนวโน้มจะมีขึ้นในเดือน พ.ย. โดยคาดว่ากำหนดการต่าง ๆ ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด 2 แบบ คือ เริ่มการหาเสียงเลือกตั้งในวันที่ 26 ต.ค. เพื่อเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ย. หรือหาเสียงเลือกตั้งในวันที่ 2 พ.ย. และเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.

- Evergrande: เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) คาดว่าบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป มีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระหนี้ และเชื่อว่ารัฐบาลจีนจะไม่ให้การสนับสนุนโดยตรงแก่เอเวอร์แกรนด์ แม้นักลงทุนมีความวิตกเพิ่มมากขึ้นว่า เอเวอร์แกรนด์อาจจะผิดนัดชำระหนี้การจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวด ในเดือนนี้

 

กลยุทธ์การลงทุน: แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: KCE HANA BLA

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: CK PTTEP CRC

Derivatives: Wait&see หลังจากปิด Short ล็อกกำไรไปแล้วเมื่อวาน (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)