กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่

กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่

"อัศวิน" ตรวจจุดฉีดวัคซีน "ไฟเซอร์" เด็กกลุ่มเสี่ยง 12-18 ปีหนุนเร่งฉีดให้ครบ 70 % จาก 1 ล้านคนรับแผนเปิดเรียนภาคใหม่ เล็งหารือ สธ.-ศธ.เร่งสำรวจนักเรียน-ผปค. สมัครใจรับวัคซีน

วันที่ 21 ก.ย. ที่ชั้น 6 อาคารทีปังกรรัศมีโชติ วชิรพยาบาล เขตดุสิต พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 12-18 ปี ที่มีโรคในกลุ่ม 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ว่า กทม.ร่วมกับมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ฉีดวัคซีนโควิดให้กับเด็กกลุ่มเสี่ยง อายุตั้งแต่ 12-18 ปี ซึ่งได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่าน QR Code เมื่อวันที่ 6-8 ก.ย.64 และได้รับการประเมินจากแพทย์โดยมีเอกสารที่ระบุการเจ็บป่วย อาทิ ใบรับรองแพทย์ หรือใบนัดตรวจสถานพยาบาล หรือใบรับรองความพิการ หรือใบรับรองหรือเอกสารใดๆ ที่ระบุว่ามีการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังตามเกณฑ์ที่กำหนด 

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า สำหรับวันนี้เป็นการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ที่เป็น 7 โรคกลุ่มเสี่ยงที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯรวมทั้งเด็กนักเรียนในสังกัด กทม.และสังกัดอื่นๆ แบ่งเป็นฉีดเข็มที่ 1 จำนวน 800 โดส และฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 700 โดส ภายหลังกลุ่มนี้ฉีดเข็มที่ 1 ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 ทั้งนี้ จากการลงทะเบียนมีเด็กอายุ 12-18 ปี ที่เป็น 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ได้แจ้งความประสงค์รับการฉีดวัคซีนกว่า 5,000 คน ขณะนี้ดำเนินการฉีดแล้วประมาณ 2,000 คน เหลืออีก 3,000 คน ดังนั้นหาก กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกระทรวงสาธารณสุข จะเร่งดำเนินการฉีดให้ครบต่อไป

กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวต่อว่า กทม.มีความตั้งใจที่จะฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 12-18 ปีที่อยู่ในกรุงเทพฯ ไม่เฉพาะที่เป็น 7 โรคกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีประมาณ 1 ล้านคน การฉีดวัคซีนเพื่อความปลอดภัยของเด็ก และตรียมความพร้อมในกรณีที่อาจจะมีการเปิดภาคเรียน ดังนั้นหากสามารถฉีดวัคซีนให้เด็กครบทุกคนหรือ 70% ขึ้นไปก่อนเปิดภาคเรียน จะเป็นการเพิ่มความปลอดภัย และลดความกังวลใจของเด็กและผู้ปกครอง จากนี้ กทม.จะสำรวจข้อมูลนักเรียนในสังกัด ที่มีอายุระหว่าง 12-18 ปี ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนเกี่ยวกับการรับวัคซีน โดยสำรวจผู้ที่มีภาวะเสี่ยงและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคดังนี้ 

1.กลุ่มอายุ 12 - 13 ปี น้ำหนัก 70 กิโลกรัม 

2.กลุ่มอายุ 13 - 15 ปี น้ำหนัก 80 กิโลกรัม 

3.กลุ่มอายุ 15 - 18 ปี น้ำหนัก 90 กิโลกรัม 

ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ประกอบด้วย 

1.โรคอ้วน ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น 

2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง 

3.โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง 

4.โรคไตวายเรื้อรัง 

5.โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ 

6.โรคเบาหวาน 

7.กลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทอย่างรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า

กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่

กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้สำนักอนามัย กทม.ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ในการวางแผนการให้บริการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนที่มีอายุระหว่าง 12 - 18 ปี ทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งจะมีการวางแผนร่วมกัน ตั้งแต่การสำรวจกลุ่มเป้าหมายนักเรียนและผู้ปกครอง ถึงความประสงค์ให้เข้ารับวัคซีนโควิด รวมถึงการจัดหน่วยสาธารณสุขเพื่อให้บริการฉีดวัคซีน การติดตามอาการภายหลังได้รับวัคซีน การประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ และการเตรียมตัวเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดในกลุ่มเด็กนักเรียนอายุระหว่าง 12-18 ปีเนื่องจากการฉีดวัคซีนโควิดให้กับนักเรียน จะต้องดำเนินการควบคู่กับมาตรการป้องกัน และเฝ้าระวังโรคในสถานศึกษาด้วย

กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่ กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่ กทม.ลุยฉีด"ไฟเซอร์" กลุ่มเสี่ยง 12-18 ปี หนุนฉีดครบ 70 % รับแผนเปิดเทอมใหม่

พล.ต.อ.อัศวิน ยังกล่าวถึงกรณีการเปิดกรุงเทพฯ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติว่า หากจะเปิดกรุงเทพฯ ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็มให้ได้อย่างน้อย 70 % เพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ และต้องเป็นหลังจากการฉีดวัคซีนอีก 7-14 วัน ขณะเดียวกันต้องประเมินอัตราการติดเชื้อในกรุงเทพฯ และอัตราการครองเตียงผู้ป่วย แต่หากจำนวนผู้ป่วยลดลงเมื่อใด กทม.ต้องหารือกับกระทรวงสาธารณสุข และศบค.ว่าจะเปิดเมืองได้แล้วหรือไม่ เพราะกทม.ไม่สามารถตัดสินใจได้เพียงฝ่ายเดียว เพราะต้องร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในการเสนอพิจารณาร่วมกัน