‘หุ้นไทย’ ไร้ปัจจัยใหม่หนุน โบรกเตือนไม่ผ่านแนวต้าน 1,650 จุด

‘หุ้นไทย’ ไร้ปัจจัยใหม่หนุน โบรกเตือนไม่ผ่านแนวต้าน 1,650 จุด

“บล.เอเซีย พลัส” คาดหุ้นไทยแกว่งตัวกรอบจำกัด เหตุ ไร้ปัจจัยใหม่หนุน “บล.ทรีนีตี้” แนะซื้อหุ้นรายตัว-เลี่ยงซื้อหุ้นตามดัชนี “บล.หยวนต้า” หวังรัฐผ่อนเคอร์ฟิวหนุนตลาดหุ้นไปต่อ “บล.ทิสโก้” ชี้กำไรบจ.ยังไม่ฟื้น-ฟันด์โฟลว์ไหลออกกดดัชนี

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนี SET (SET Index) มีแนวโน้มพักตัว และเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด  เนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่หนุน แม้จะได้บรรยากาศเชิงบวก (เซนติเม้นท์) จากแผนการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เป็นปัจจัยบวกที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว นอกจากนี้ ดัชนียังมีความเสี่ยงผันผวนจากหุ้นใหญ่ที่สภาพคล่องต่ำกดดัน

ส่วนแนวโน้ม SET Index ในไตรมาส 4 ปี 2564 ภายหลังเปิดประเทศจริงตามแผน คาดว่าจะปรับขึ้นได้ต่อจำกัดที่แนวต้าน 1,670 จุด ซึ่งเป็นเป้าหมายดัชนีที่คำนวณจากกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2564 ที่ 73.60 บาท และแนวรับทางเทคนิค 1,615 จุด

“ภาวะตลาดยังมีความผันผวนจากหุ้นใหญ่ที่สภาพคล่องต่ำ ตามกระแสข่าวการปรับเกณฑ์รับหุ้นเข้าดัชนี SET50 และ SET100 ส่งผลให้ดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นอย่างจำกัด เราจึงแนะนำซื้อหุ้นรายตัวในกลุ่มที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก (แลกการ์ด) และได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของการย้ายกลุ่มลงทุน (Rotation) หรือสลับเข้ามาลงทุนในระยะถัดไป”

หุ้นเด่น 2564

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยคาดว่ากระแสข่าวเปิดเมืองจะไม่ส่งแรงหนุนต่อ SET Index เพราะเป็นปัจจัยที่สะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว แต่ให้น้ำหนักภายหลังการเปิดเมืองว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นการบริโภคและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว จะหนุนดัชนีให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดี

สำหรับแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 4 ปี 2564 คาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,660 จุด หรืออีกราว 30 จุดเท่านั้น จากปัจจุบันดัชนีเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,630 จุด แม้คาดว่าจะได้แรงหนุนจากหุ้นเปิดเมือง และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคในประเทศ แต่จะถูกกดดันจากหุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (ฟรีโฟลท) ต่ำ จึงแนะนำเลือกซื้อหุ้นรายตัวมากกว่าเล่นหุ้นตามดัชนี

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มแกว่งในกรอบแนวรับ 1,610-1,620 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด โดยมองการยืดเวลาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นปัจจัยกดดันมากกว่าปัจจัยบวก แต่คาดหวังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการเคอร์ฟิว จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นในระยะถัดไป แต่ปัจจัยลบจากการเมืองในประเทศภายหลังเปิดเมืองส่งผลให้ฝ่ายวิจัยประเมินแนวต้านที่ 1,650 จุด เท่านั้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นมีโอกาสปรับขึ้น (อัพไซด์) จำกัด แม้ได้ปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์และกระแสเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ไหลเข้า แต่ปัจจัยพื้นฐานจากกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งคาดว่ากระแสฟันด์โฟลว์จะเริ่มไหลเข้าชะลอลงเพื่อติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ

ทั้งนี้ ประเมินแนวรับดัชนีที่ 1,600-1,620 จุด และแนวต้าน 1,640-1,650 จุด ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศ โดยเลือกหุ้นแลกการ์ดแถวสอง เช่น กลุ่มสื่อ และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม