‘ฟันด์โฟลว์’ จ่อซบหุ้นไทย เหตุต่างชาติพลิกเชื่อมั่น

‘ฟันด์โฟลว์’ จ่อซบหุ้นไทย เหตุต่างชาติพลิกเชื่อมั่น

ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นไทยต่อเนื่องกว่า 1 สัปดาห์ “เฟทโก้” ชี้ นักลงทุนต่างชาติพลิกเชื่อมั่น หลังคลายล็อกดาวน์-วัคซีนคืบหน้า “บล.หยวนต้า” ประเมินเม็ดเงินไหลเข้ารอบนี้อย่างต่ำ 4 หมื่นล้าน จาก 23-31 ส.ค.ซื้อสุทธิแล้ว 1.9 หมื่นล้าน

นักลงทุนต่างชาติเริ่มซื้อสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องตั้งแต่ 23 ส.ค.-31ส.ค. 2564 รวมมูลค่า 1.93 หมื่นล้านบาท ทำให้เดือนส.ค.พลิกซื้อสุทธิเป็นเดือนแรกของปีนี้ ที่ 5.4 พันล้านบาท  ทำให้ตั้งแต่ต้นปีถึง1 ก.ย.2564 เหลือขายสุทธิ  88,732.34 ล้านบาท 

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร  ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า กระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของนักลงทุนต่างประเทศ เริ่มมีแนวโน้มไหลเข้าตลาดหุ้นไทยชัดเจน โดยคาดว่าได้ปัจจัยหนุนจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. ภาวะตลาดหุ้นที่เป็นขาขึ้นชัดเจน จากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว 2. แผนการกระจายวัคซีนมีความชัดเจนมากขึ้น และมีความคืบหน้าในของจำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีน 3. ค่าเงินบาทแข็งค่า และ 4. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมาส่งผลให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น

ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ

ขณะที่ในระยะถัดไปประเมินฟันด์โฟลว์มีโอกาสไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีหุ้น SET (SET Index) จะบวกขึ้นมาแล้วกว่า 10% แต่ยังปรับขึ้นได้ไม่โดดเด่น (Underperform) มากนัก หากเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดัชนีปรับขึ้นสูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2562) ไปมากแล้ว นอกจากนี้ คาดว่ากระแสเงินลงทุนมีโอกาสไหลเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญหากจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ในกรุงเทพฯ ปรับขึ้นแตะระดับ 50-60% จากปัจจุบันที่ 20% และการเปิดเมืองทำได้ตามแผน

อย่างไรก็ดี คาดการณ์ดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไม่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และไม่มีการกลายพันธุ์ของเชื้อสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเติม

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า คาดการณ์ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างน้อย 4 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่ไหลเข้ามาซื้อสุทธิสะสม (23-31 ส.ค.) ราว 1.9 หมื่นล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า และยากที่จะกลับไปอ่อนค่าได้มากเท่าช่วงที่ผ่านมา ภายหลังปัจจัยพื้นฐานของประเทศ ได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัด และดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้าย ติดลบน้อยลง อย่างไรก็ดี ระยะสั้นอาจถูกกระทบจากผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงประเด็นการเมืองในประเทศ

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ในระยะข้างหน้าฟันด์โฟลว์มีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง จากสัญญาณการเข้ามาซื้อสุทธิตราสารหนี้ระยะสั้นสูงที่สุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่ พ.ย.2563 ซึ่งเป็นจุดที่ SET Index ปรับขึ้นรอบใหญ่ในครั้งก่อน แต่คาดว่าเป็นไปได้ยากที่จะไหลเข้าเท่ากับครั้งก่อนหน้าที่ระดับ 5 หมื่นล้านบาท เพราะสถานการณ์โควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 3 ปี 2564 ที่อ่อนแอจากผลกระทบของการล็อกดาวน์

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า กระแสเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้ามาต่อเนื่องกว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่สามารถประเมินแนวโน้มในระยะข้างหน้าได้ชัดเจนมากนัก เนื่องจากยังเป็นการซื้อสุทธิต่อเนื่องไม่กี่วันทำการ อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างประเทศ เช่น เฟดที่เริ่มส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นต้น