โบรก ลุ้นศบค.'คลายล็อกดาวน์' ดันหุ้นไทย1,600จุด

โบรก ลุ้นศบค.'คลายล็อกดาวน์' ดันหุ้นไทย1,600จุด

“หุ้นไทย”พุ่งแรง 29 จุด รับข่าวดีผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ต่ำกว่า2 หมื่นคนต่อวัน บล.โนมูระ พัฒนสินลุ้นศบค.คลายล็อก4 ธุรกิจปลายสัปดาห์นี้ลุ้นดัชนีแตะ1,600 จุด หากผู้ติดเชื้อลดลงต่อ-ผลประชุมเฟดตามคาด “บล.เอเซีย พลัส” แนะถือเงินสดเหลือแค่ 10% นำลุยหุ้น

ความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวานนี้(23 ส.ค.)ปรับตัวขึ้นตั้งแต่เปิดตลาด ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุด 29.95 จุด ที่ 1,583.13 จุด ก่อนย่อตัวมาปิดตลาดที่ 1,582.07 จุด เพิ่มขึ้น 28.89 จุด หรือ 1.86% มูลค่าซื้อขาย 114,581 ล้านบาท รับข่าวผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ลดลงเหลือ 1.7 หมื่นคน 

นักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 5,118.10 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,781.56 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 439.39 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศขายสุทธิ 8,339.05 ล้านบาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ นักวิเคราะห์ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ ลดระดับลงมาอยู่ที่ 17,491 คนต่อวัน ขณะที่ยอดหายป่วยกลับบ้าน จำนวน

22,134 คน สูงกว่ายอดติดเชื้อใหม่ ทำให้ตลาดคาดหวังที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ(ศบค.) ปลายสัปดาห์นี้อาจผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เปิดกิจกรรมเศรษฐกิจ4 ธุรกิจในห้าง หนุนตลาดฟื้นตัวนำโดย “หุ้นกลุ่มเปิดเมือง”

รวมถึงมาตรการธปท.ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาปรับลดเงินนำส่ง FIDF ,มาตรการคุมการจัดชั้นลูกหนี้รายย่อย และเอสเอ็มอี รวมถึงหลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันสำรองยังยืดหยุ่น ซึ่งเป็นบวกต่อต้นทุนทางการเงินของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทำให้“หุ้นกลุ่มแบงก์”ปรับตัวเพิ่มขึ้นยกแผง

สำหรับหุ้นที่มีผลต่อน้ำหนักดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมากที่สุด นำโดย AOTและPTTที่หนุนหุ้นไทยขึ้นบริษัทละ 2.5 จุด รองลงมาเป็น CPALLที่2.35 จุด,KBANKที่ 1.96 จุด SCB ที่ 1.85 จุด,DELTA ที่1.52 จุด และBBL ที่1.41จุด

162975993638 นายกรภัทร กล่าวว่า แนวโน้มหุ้นไทยจะยังมีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อหรือไม่ ยังรอติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ ซึ่งนโยบายการเงินของเฟดจะมีผลต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมาก

ดังนั้นในสัปดาห์นี้ ประเมินแนวต้าน 1,584-1,590จุด และแนวรับ1,550 จุด หากการส่งสัญญาณเป็นไปตามที่ตลาด อาจมีแรงหนุนให้ตลาดไปได้ไกลกว่านี้ แต่หากไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดตลาดอาจพักฐานลงมา แต่ยังอยู่ในกรอบแนวรับ1,550 จุด

สำหรับการลงทุนในช่วงนี้ แนะนำ ลงทุนหุ้นเปิดเมืองแถวสอง เช่น นิคมอุตสาหกรรม (AMATA) ,มีเดีย(PLANB)และหุ้นราคาปรับตัวลงแต่มีผลตอบแทนดี เช่น โรงไฟฟ้า (GPSC BCPG KCE )

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้นไปได้ไกลแค่ไหนนั้น ยังต้องติดตามยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากนี้ว่ายังปรับตัวลงได้ตามที่คาดไว้หรือไม่ คือ จุดสูงสุดอยู่ในเดือนส.ค.และค่อยๆ ปรับลดลงในเดือนก.ย.ซึ่งตอนนี้ได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ก็ต้องไม่เห็นยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19กลับมาทะลุ 20,000 คนต่อวันอีก ก็จะทำให้ดัชนีไปต่อได้ แต่คงไม่ได้ขึ้นแรง เพราะตลาดหุ้นไทยยังขาดแรงหนุนจากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ จากที่ผ่านมานักลงทุนภายในประเทศเป็นผู้ซื้อ 

ดังนั้น เรามองกรอบดัชนีระยะถัดไปในสัปดาห์นี้ แนวต้าน ที่ 1,590-1,600 จุด โดยเรายังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,670 จุดมาตลอด ยังไม่เป็นเปลี่ยน โดยยังต้องติดตามการประชุมเฟดในช่วงปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งความชัดเจนการลดคิวอีของเฟดจะมีน้ำหนักต่อฟันด์โฟลว์หลังจากนี้ อย่างมาก

แนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ ลดระดับการถือเงินเหลือ 10% จากเดิมที่ 20-30% ของพอร์ต นำมาทยอยซื้อหุุ้นกลุ่มเปิดเมืองและหุ้นที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่อง

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า กล่าวว่า จากโมเมนตัวเชิงบวกยอดผู้ติดเชื้อลดลงมาที่ระดับ 17,000หรือต่ำสุดในรอบ25 วัน และมีส่วนต่างจากยอดหายป่วยราว 4,000ราย มากที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดรอบใหม่นี้ ทำให้ตลาดคาดหวังเชิงบวกน่าจะมีการผ่อนตลายมาตรการล็อกดาวน์ใน 4 กลุ่มธุรกิจ รอเสนอที่ประชุมศบค.ปลายสัปดาห์นี้ อีกทั้งจีนยังจัดการโควิดได้ดี รวมถึงไฟเซอร์ได้รับการจดทะเบียนใบอนุญาตอย. ในสหรัฐ ทำให้สามารถขายในเชิงพาณิชย์ได้  ทำให้วัคซีนทั่วถึงมากขึ้น 

ดังนั้นหากสถานการณ์โควิดคลายตัวหลังจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะมีโมเมนตัมฟื้นตัวกลับไปที่จุดเดิม ณ เดือนก.ค.2564 ที่ระดับ 1,590 -1,600จุด  ซึ่งปัจจุบันก็ใกล้เคียงแล้ว หากเล่นเรื่องปัจจัยโควิดคลี่คลายดัชนีน่าจะอยู่ที่ระดับนี้ 

แต่ตลาดหุ้นไทยจะไปไกลกว่านี้หรือไม่ ขึ้นกับเงื่อนไขอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะ จับตาการประชุมเฟดในวันที่ 26 -28  ส.ค.นี้ และการประชุมไทยแลนด์โฟกัส ซึ่งต่างชาติขายรับเชิงบวกกับนโยบายการเปิดประเทศของไทย จะช่วยผลักดันเซ็นทริเม้นต์เชิงบวกต่อเนื่อง ให้กระแสเงินทุนต่างชาติกลับมาได้ยกระดับดัชนีปรับขึ้นต่อได้ 

แนะนำนักลงทุนในช่วงนี้ ดัชนีปรับขึ้นมาพอสมควรแล้ว เน้นเข้าหุ้นแถวสองในกลุ่มเปิดประเทศ ที่ราคายังไม่ปรับตัวขึ้นมาและยังได้ผลเชิงบวก  เช่น  กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโรงพยาบาลรับผู้ป่วยชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากจะได้รับอานิสงก์ต่อเนื่อง  และหุ้นพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับขึ้นมาจากแนวรับ น่าจะเป็นหุ้นที่สลับเข้ามาแทนกับกลุ่มแบงก์ปรับขึ้นมาแรงแล้ว 

"เปิดช่วงต้นสัปดาห์นี้ตลาดมีความคึกคัก แต่อาจมีการแตะเบรกช่วงกลางสัปดาห์ได้ เพราะทุกคนคงชะลอเพื่อรอดูที่ประชุมเฟดรอบนี้ก่อน ถ้าดัชนีจะทะลุ 1,600จุดนั้น การลดคิวอีของเฟดในปีนี้ต้องไม่ส่งผลเชิงลบต่อตลาด คือ เฟดต้องไม่ลดคิวอีมากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน หากทำมากกว่านั้น ถือว่าน่ากลัว"