RATCH เดินหน้าแผนเพิ่มทุน 3 หมื่นล้าน จ่อปิด 1 ดีล 'ซื้อโรงไฟฟ้าในประเทศ' ปีนี้

RATCH เดินหน้าแผนเพิ่มทุน 3 หมื่นล้าน จ่อปิด 1 ดีล 'ซื้อโรงไฟฟ้าในประเทศ' ปีนี้

“ราช กรุ๊ป” เผย เตรียมปิดดีลซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศ มูลค่า 4-5 พันล้าน ในปีนี้ และเจรจาลงทุนโครงการใหม่ต่อเนื่องหนุนกำลังการผลิตปี68 แตะหมื่นเมกะวัตต์  พร้อมเดินหน้าแผนเพิ่มทุน3 หมื่นล้าน รองรับการเติบโตอนาคต

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า สำหรับแผนการเพิ่มทุนมูลค่า  30,000 ล้านบาท  เพื่อรองรับการเติบโตใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568 )หนุนกำลังการผลิตที่10,000 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอน คาดว่าแล้วเสร็จได้ภายในต้นปี2565

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศหลายโครงการ ขนาดกำลังผลิตเกิน 100 เมกะวัตต์ขึ้นไป โดยขณะนี้มี 2  ดีล ทีี่มีความชัดเจน คาดสรุปหรือปิดดีลอย่างน้อย 1 ดีลในสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในประเทศ คาดใช้เงินลงทุนราว 4,000-5,000 ล้านบาท 

ส่วนอีก 1 ดีล คาดปีดดีลได้ในกลางปี 2565 เป็นโครงการลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ทั้งพลังงานทดแทนและก๊าซธรรมชาติ คาดใช้เงินลงทุนค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องใช้เงินเพิ่มทุนดังกล่าว และยังใช้เวลาเจรจรพอสมควร

“แผนขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศสอดคล้องกับแผน 5 ปี มุ่งขยายโครงการโรงไฟฟ้าในอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก เรา สนใจลงทุนเพิ่มเติมในไต้หวันและเกาหลีใต้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา จากปัจจุบันได้ลงทุนในเวียดนาม ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ แล้ว”   

162914406754

         

ขณะที่งบลงทุนในปีนี้และปีหน้า บริษัทเตรียมไว้ปีละ ่ 15,000 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินอีกราว 40,000-45,000 ล้านบาท และสามารถระดมทุนออกหุ้นกู้ในและต่างประเทศ ในจังหวะที่เหมาะสมได้อีก พร้อมรองรับการลงทุนในช่วงดังกล่าว 

สำหรับงบลงทุนปีนี้ที่ 15,000ล้านบาท เป็นลงทุนในโครงการเดิม 8,000 ล้านบาท และโครงการใหม่ 7,000 ล้านบาท โดยครึ่งหลังปีนี้ยังเหลืออีกราว 9,560 ล้านบาท ไว้รองรับการลงทุนโครงการใหม่และเดินหน้าโครงการลงทุนที่มีอยู่ ทั้งโรงไฟฟ้า และไม่ใช่โรงไฟฟ้า 

"ธุรกิจระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจเกี่ยวเนื่องพลังงาน และธุรกิจด้านสุขภาพ กำลังขับเคลื่อนโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาให้ไปสู่การร่วมทุนและดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการร่วมทุนนวัตกรรมด้านไฟฟ้ากับกลุ่ม กฟผ.โครงการจัดตั้งโรงงานผลิตชีวมวลอัดแท่งในประเทศและสปป. ลาว ด้านสุขภาพขยายการลงทุนร่วมกับ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC เป็นต้น" 

นายกิจจา กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังคาดดีต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่กำไรพุ่ง 72%  โดยครึ่งปีหลังในแง่ของรายได้พยายามบริหารจัดการ โรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้พร้อมจ่ายไฟให้มากที่สุด  ถ้าโรงไฟฟ้าพร้อมจ่ายผลตอบแทนก็เป็นไปตามเป้า จึงเชื่อมั่นว่าที่ตั้งไว้จะเป็นไปตามเป้าหรือมากกว่าเป้าหมาย เพราะครึ่งปีแรกยังทำได้ดีกว่าเป้าหมายค่อนข้างมาก             

ขณะที่กำลังผลิตในปีนี้มั่นใจว่าเป็นไปตามเป้าวางไว้ที่ 8,874เมกะวัตต์ จากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 8,290.34 เมกะวัตต์  และปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 7,053เมกะวัตต์ คาดครึ่งปีหลังนี้จะ COD เพิ่มอีก 160 เมกะวัตตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม ที่จะ COD ในไตรมาส 4ปีนี้ รวมสิ้นปีจะมีโรงไฟฟ้า COD แล้ว 7,213เมกะวัตต์