กบข.ปรับพอร์ตลงทุนสู้โควิด ยันผลตอบแทนเป็นบวก
กบข. เผยปรับพอร์ตการลงทุน เน้นต่างประเทศ -ปรับลดอายุตราสารหนี้สั้นลง หลังบอนด์ยิลด์เพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี โควิดระบาด เชื่อผลตอบแทนลงทุนปีนี้ยังเป็นบวกแต่อาจต่ำกว่าปีก่อนทำได้4.79%เล็งทบทวนแผนลงทุนระยะยาว
ทำให้กบข.ปรับพอร์ต โดยได้ลดอายุตราสารหนี้ให้สั้นลงและบริหารอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก ซึ่งสามารถประคับประคองพอร์ตตราสารหนี้ไว้ได้ เนื่องจากนโยบายการลงทุนของกบข.มีสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้เป็นส่วนใหญ่ และได้เน้นกระจายการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มเพดานการลงทุนจาก 30% เป็น 40%
ทั้งนี้สิ้นเดือนมี.ค. 2564 กบข.มีสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศอยู่ที่ 36.48% โดยเน้นลงทุนในภูมิภาคเอเชีย เช่น จีน อาเซียนและตลาดเกิดใหม่ รวมถึงธุรกิจที่เป็นเทรนด์การเติบโตของโลก เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวสามารถฟื้นตัวได้ดีจากวิกฤติโควิด -19และยังเติบโตดีในอนาคต
ณ 31 มี.ค. 2564 กบข. สินทรัพย์สุทธิ 1.06 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนการลงทุน ตราสารหนี้ไทย 52.41 % หุ้นไทย 5.53 % ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9.59% หุ้นต่างประเทศ 14.22 % อื่นๆ 18.26% จากสิ้นปี 2563 มีสินทรัพย์สุทธิ 1.03 ล้านล้านบาท มีสัดส่วนการลงทุน ตราสารหนี้ไทย 52.42 % หุ้นไทย 5.01 % ตราสารหนี้ต่างประเทศ 10.61 % หุ้นต่างประเทศ 13.20 % อื่นๆ 18.77%
นางศรีกัญญา กล่าวว่า ส่วนหุ้นไทยเน้นการลงทุนตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นๆ ยังมองหาหุ้นพื้นฐานดีที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมาก รวมถึงหุ้นรับเปิดประเทศและหุ้นรับมือกับโควิด -19 ได้เร็ว เมื่อมีจังหวะที่ตลาดปรับตัวลงมาเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหุ้นไทยได้
สำหรับผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ยังมั่นใจว่าจะเป็นบวก แต่อาจจะไม่ส่งเท่ากับปี2563 ที่มีผลตอบแทนการลงทุนที่4.79 % เพราะภายใต้สถานการณ์ปีนี้ที่การลงทุนยังเป็นเรื่องท้าทายมาก แต่ยังต้องรอต้องประเมินสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้อีกครั้ง เพราะหากวัคซีนมีความชัดเจน ก็ทำให้ตลาดฟื้นตัวย่อมส่งผลดีต่อผลตอบแทนเช่นกัน
นางศรีกัญญา กล่าวว่า กบข.จะมีการทบทวนแผนการลงทุนระยะยาว5-10 ปี (Strategic Asset Allocation) ซึ่งขณะนี้กบข.ได้ที่ปรึกษาการลงทุนแล้ว ซึ่งจะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด)พิจารณาในวันนี้ ซึ่งการทบทวนแผนการลงทุนว่าจะมีการลงทุนสินทรัพย์อย่างไรก็บ้าง คาดจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้และเริ่มใช้ในปี 2565
