เร่งฟื้นศักยภาพไทย รับความท้าทายอนาคต

เร่งฟื้นศักยภาพไทย รับความท้าทายอนาคต

ถึงเวลาที่ไทยต้องก้าวข้าม “โควิด-19” ไปให้ได้ ท่ามกลางความคืบหน้าของวัคซีนที่รอกระจายไปทั่วมุมโลก และเตรียมพร้อมรับความท้าทายในอนาคตด้วยศักยภาพที่มีอย่างเข้มแข็ง เนื่องจากยังต้องเผชิญการเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐ

แม้โลกจะยังไม่สามารถกำจัดเชื้อร้าย “โควิด-19” ออกไปได้ ผู้ติดเชื้อยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยเผชิญการระบาดของเชื้อร้ายในรอบที่สอง แม้ดูสถานการณ์ว่าจะเริ่มจะควบคุมได้ ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่ได้พุ่งสูงจนน่าหวั่นวิตกเหมือนช่วงเริ่มระบาดรอบสอง แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้ เพราะถ้ามีการเข้มข้นตรวจเชื้อในเชิงรุก เชื่อว่าตัวเลขอาจจะมีมากกว่านี้ก็เป็นได้ ขณะที่ภาพรวมการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลายมาตรการที่รัฐบาลทยอยเคาะออกมา เพื่อหวังสร้างแรงกระเพื่อม หนุนความคึกคักให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศได้เดินหน้าต่อ พร้อมทั้งเตรียมเสริมแกร่งในทุกด้านเพื่อให้ “ไทย” อยู่ในสายตาของนักลงทุน

โรคระบาดที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเดียวที่ทำให้ทั้งโลกต้องหาวิธีรับมือ การปรับเปลี่ยนขั้วอำนาจทางการเมืองของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ก็ส่งผลถึงการวางแผนดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ก็นับว่าเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องตระหนัก การรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายโจ ไบเดน เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่โลกจับตามอง เขาก้าวขึ้นมารับตำแหน่งในห้วงที่ทั้งโลกกำลังต่อสู้กับโรคระบาด แน่นอนว่าภารกิจด่วนที่ “ไบเดน” ประกาศตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่ง คือ การแก้ไขวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 เพราะมีความเกี่ยวโยงกับการบริหารอีกหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจและสังคม รวมไปถึงนโยบายด้านการค้าการลงทุนภายใต้ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐ ก็เป็นเรื่องที่สร้างความท้าทายสำคัญให้กับประเทศไทยด้วย ที่ควรต้องมีแผนตั้งรับที่ดี 

วานนี้ (21 ม.ค) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานที่จัดขึ้นโดยธนาคารโลก ระบุตอนหนึ่งว่า ผลกระทบโควิด-19 ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยปีที่ผ่านมาจะขยายตัวติดลบ 6% ซึ่งถือว่าดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 4-5% รมว.คลัง บอกว่า แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มขยายตัวดีขึ้น แต่รัฐบาลต้องเตรียมดูแลเศรษฐกิจระยะต่อไปด้วย โดยเฉพาะการเร่งปรับโครงสร้างเพื่อรองรับการส่งเสริม 3 อุตสาหกรรมหลัก คือ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมสีเขียว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพ 

เราเห็นด้วยว่า รัฐบาลต้องเร่งยกระดับในทุกส่วน เพื่อรองรับความท้าทายอื่นที่กำลังเข้ามา Disrupt อย่างรุนแรงในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งการเร่งเสริมขีดแข่งขันประเทศเพื่อโชว์ศักยภาพให้โลกได้เห็น ดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้ามา มีหลายบทวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า “ไทย” ยังเป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคเอเชีย ที่มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่ไม่น้อยหน้าใคร ซึ่งเทคโนโลยี คือ อาวุธสำคัญในการต่อสู้กับความท้าทายที่จะเกิดขึ้น ขณะที่มองว่าไทยยังเป็น 1 ใน 3 ของจุดหมายปลายทางในการขยายธุรกิจของบริษัทในเอเชียด้วย ถึงเวลาแล้วที่เราต้องก้าวข้าม “โควิด” ไปให้ได้ และเตรียมพร้อมรับความท้าทายเบื้องหน้า ด้วยศักยภาพที่เรามีอย่างเข้มแข็ง