TKN พุ่งกว่า 20% ทำจุดสูงสุดรอบเกือบ 2 ปี กูรูยังมองอนาคตต่างสุดขั้ว

TKN พุ่งกว่า 20% ทำจุดสูงสุดรอบเกือบ 2 ปี กูรูยังมองอนาคตต่างสุดขั้ว

ราคาหุ้น TKN พุ่งกว่า 20% แตะ 12.80 บาท ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ผลงานไตรมาส 3 ยังอ่อนแอ แต่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีตั้งแต่ไตรมาส 4 หลังออเดอร์จากจีนเริ่มกระเตื้อง แต่คำแนะนำการลงทุนมีทั้ง 'ซื้อ' และ 'ขาย'

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ล่าสุดพุ่งขึ้นมาแตะระดับ 12.80 บาท ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี โดยราคาหุ้นเริ่มพุ่งขึ้นหลังเปิดทำการซื้อขายช่วงบ่าย จากช่วงเช้าซึ่งปิดที่ 10.70 บาท เปิดกระโดดมาที่ 11 บาท ก่อนจะพุ่งแรงหลังจากนั้น

นางสาวชาลี กือเย็น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า โดยภาพรวมยังไม่ได้เห็นปัจจัยบวกเข้ามาหนุนต่อพื้นฐานของ TKN ทำให้เรายังคงประมาณการของ TKN เท่ากับทีให้ไว้ก่อนหน้านี้ คือ แนะนำ ขาย ด้วยราคาเป้าหมาย 8.30 บาท โดยที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ยังไม่น่าจะฟื้นตัวได้แรงนัก

“โดยส่วนตัวยังไม่เห็นว่ามีปัจจัยบวกอะไรเป็นพิเศษเข้ามาหนุนปัจจัยพื้นฐานของ TKN ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ยังน่าจะอ่อนแอ โดยรวมจึงยังคงประมาณการต่างๆ ไว้ในระดับเดิม”

ก่อนหน้านี้ เราคาดว่าการส่งออกไปจีน คิดเป็น 42% ของรายได้ และประเทศอื่น ๆ นอกจากจีน คิดเป็น 34% ของรายได้ จะฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีหลัง และหนุนให้ยอดส่งออกในปี 2563 โตได้ 8% จากติดลบ 4% ในครึ่งปีแรก แต่อย่างไรก็ตามการส่งออกไปจีนมีสัญญาณว่าจะชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้

โดยหลักเป็นผลจากอุปสงค์หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คาดเอาไว้ในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติ ในขณะที่การส่งออกไปยังประเทศอื่น นอกเหนือจากประเทศจีนก็ประสบปัญหาเดียวกัน ดังนั้น เราจึงปรับลดสมมติฐานอัตราการเติบโตของการส่งออกปี 2563 และปี 2564 ลงเหลือทรงตัว และเพิ่มขึ้น 18% ตามลำดับ

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล รองกรรมการผู้จัดการ TKN เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงาน ซึ่งมีประเด็นสำคัญคือ บริษัทเริ่มเห็นคำสั่งซื้อจากประเทศจีนกลับเข้ามาแล้ว คาดว่าในไตรมาส 4 ยอดขายจีนจะกลับมาเท่ากับช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 สำหรับยอดขายรวมปีนี้ บริษัทยอมรับว่าจะต่ำกว่าปี 2562 ซึ่งทำได้ 5,267 ล้านบาท แต่ได้ประโยชน์จากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง 10-15% และการรวมโรงงานจะทำให้การใช้กำลังการผลิตดีขึ้น คาดสามารถรักษากำไรสุทธิปีนี้ให้อยู่ใกล้เคียงกับปีก่อน

ทั้งนี้ เรามีมุมมองเชิงบวกจากข่าวข้างต้น โดยรายได้เฉลี่ยจากจีนอยู่ที่ 180-190 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 180 – 200 ตู้ต่อเดือน โดยเราเชื่อมั่นว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน และ 20% จากครึ่งปีแรก จากการบริโภคทั้งในและต่างประเทศประเทศที่ฟื้นตัว ดังนั้น เราคงประมาณการรายได้ปีนี้ที่ 4.7 พันล้านบาท ลดลง 10% และกำไรสุทธิที่ 382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ใกล้เคียงกับที่บริษัทคาด

แม้เรามองว่าปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีของ TKN เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่เราเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตโดดเด่นอีกครั้งในปี 2564 ที่ 545 ล้านบาท เติบโต 43% จากรายได้รวมที่ขยายตัว 11% มาจากในประเทศที่เติบโต 5% และต่างประเทศเติบโต 15% รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากอัตราการใช้กำลังการผลิตดีขึ้น

โดยรวมยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 15.40 บาท อิง PER ที่ 39 เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง โดยคาดกำไรต่อหุ้นปี 2562 – 2565 จะเติบโตเฉลี่ย 33.8% ต่อปี