“อภิสิทธิ์” มั่นใจ ปชป. ยังได้คะแนนเดิมจากคนเคยเลือก และคนรุ่นใหม่ รวมทั้งจากคนที่เคยเลือกพรรคอื่น หวังได้เสียงอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสถานการณ์ทางการเมืองหลังจากการเลือกตั้งว่า อยากให้รัฐบาลที่เข้ามามีเสถียรภาพเพื่อให้ประชาชนยอมรับ แต่มองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีอำนาจกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาเพราะอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ซึ่งเป็นการสร้างเงื่อนไขที่จะเกิดปัญหาในอนาคตรวมถึงความได้เปรียบของบุคคลในรัฐบาลที่สังกัดพรรคการเมือง และการลงพื้นที่ ครม.สัญจร ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับและมีความไม่เป็นธรรม และอาจเป็นเงื่อนไขที่นำมาสู่วิกฤติทางการเมืองในอนาคต ซึ่งการไม่ยอมรับของประชาชนจะมาในรูปแบบใดยังไม่สามารถประเมินได้ในขณะนี้
“ไม่ว่าขณะนี้รัฐบาลจะทำอะไรก็ตาม ทุกคนมองออกว่าสิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์ทางการเลือกตั้ง พร้อมทั้งอยากเตือนว่าสิ่งที่ควรให้ประชาชนแต่พึ่งมาให้ในขณะนี้จะไม่ส่งผลประโยชน์ทางการเมืองในอนาคต” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่เริ่มมีการใช้เงินในการหาเสียงเลือกตั้ง ว่า ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.) ยังไม่สามารถเข้ามาดูแลได้อย่างเต็มที่ เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายกำหนดไว้ ว่าสามารถใช้เงินได้ 1.5 ล้านบาทต่อเขต ซึ่ง กกต.ก็ต้องตรวจสอบว่า พฤติกรรมการใช้เงินในขณะนี้ส่งผลกับความไม่เป็นธรรมต่อการเลือกตั้งหรือไม่
ขณะเดียวกัน ทางพรรคยังมั่นใจว่า พรรคจะได้คะแนนเดิมที่ประชาชนสนับสนุนพรรคและคะแนนจากคนรุ่นใหม่และคนที่เคยเลือกผู้สมัครพรรคอื่น แต่ยอมรับว่าระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ ที่ 1 คะแนนเสียง สามารถเลือก ส.ส.เขต ,บัญชีรายชื่อ และนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถเดาใจประชาชนได้ แต่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าทุกคะแนนมีความหมายอย่างไร และทุกคนดูออกว่าใครเล่นนอกกติกา ทุกพรรคต้องแย่งชิงคะแนนทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับจุดยืน ของพรรคในการร่วมกับพรรคการเมืองอื่นหลังจากการเลือกตั้ง ยังคงยืนยันว่า ต้องเป็นไปภายใต้อุดมการณ์ที่ตรงกันที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติและประชาชนตามที่พรรคได้ให้นโยบายไว้ และหวังว่าพรรคจะเป็นเสียงอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาล ส่วนการร่วมงานกับสมาชิกวุฒิสภาที่แต่งตั้ง โดย คสช. นั้นมองว่า จะต้องเป็นการทำงานเพื่อประโยชน์ของสังคม ซึ่งหากทางพรรคได้เป็นรัฐบาลก็มั่นใจว่าจะสามารถบริหารประเทศได้และไม่ตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกับ ส.ว.
นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2562 ว่า เศรษฐกิจภายในประเทศจะดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์สงครามทางการค้า และการที่หน่วยงานราชการของสหรัฐอเมริกาบางแห่งหยุดให้บริการ หรือ โกเวอร์เมนท์ ชัตดาวน์ ภายหลังจากวุฒิสภาลงความเห็นไม่อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งครอบคลุมงบประมาณในการก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกที่มีมูลค่าสูงถึง 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 185,000 ล้านบาท