
พปชร. ตั้งโต๊ะแจงยิบ ยันพรรคไม่เอี่ยวคลิปจูงใจแจกบัตรสวัสดิการรัฐ ชี้ข้อกล่าวหาแรงถึงขั้นยุบพรรค รอฝ่าย ก.ม.ตรวจสอบชัด
ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถ.รัชดาภิเษก 54 เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรค พร้อมด้วย นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรค ร่วมแถลงชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวว่า มีตัวแทนสมาชิกพรรค พปชร. รณรงค์เชิญชวนประชาชนสมัคร เป็นสมาชิกพรรค พร้อมกับรับสิทธิ์ในการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดย นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการบริหารพรรค ได้กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นประเด็นที่สนใจของสื่อ และในสื่อออนไลน์ที่มีการแชร์กันเยอะ คือมีน้องผู้ชายคนหนึ่ง ได้เผยแพร่คลิปภาพและเสียงออกมาว่า ในพื้นที่ จ.ยโสธร มีการรับสมัครสมาชิก โดยมีผู้แสดงเจตจำนงจะสมัครรับเลือกตั้งคนหนึ่งในเขต จ.ยโสธร พื้นที่ อ.เลิงนกทา ซึ่งเราได้ดูคลิปแล้วก็แยกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่งที่เป็นเสียงพูดของคนเสนอคลิปซึ่งเสียงพูดนั้นบอกว่ามาดูแทนป้าคนหนึ่งที่มาสมัครแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ที่รับสมัครสมาชิกจะให้แลกกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะเดียวกันก็โชว์ใบสมัครสมาชิกพรรค แล้วมีเสียงพูดอีกว่าถ้าสมัครแล้วจะได้เงินอีก 100 บาท ซึ่งคือเสียงจากคนที่บันทึกคลิปและแพร่ภาพ แต่ภาพที่ insert เป็นภาพโต๊ะที่กำลังรับสมัคร ขณะนี้เราก็กำลังตรวจดูว่ามีส่วนใดที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่บนโต๊ะเจ้าหน้าที่ที่รับสมัคร ซึ่งตนดูหลายรอบแล้วก็ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับคำว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแม้แต่เรื่องเดียว
ส่วนที่ 2 ของภาพที่มีการพูดถึงว่า มีเงิน 100 บาท ตนก็พยายามดูหลายรอบว่าตลอดแนวโต๊ะที่มี มีแบงก์ 100 อยู่บนโต๊ะสัก 1 ใบ หรือ 2 ใบหรือไม่ ก็ไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้เราก็ฟังไว้ 2 ทาง คือเสียงพูดในคลิปนั้นจะเข้าข่าย มาตรา 30 พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ โดยจะจงใจ จะไม่รู้ ไม่ทราบอย่างไร ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร
ดังนั้นเสียงและภาพขณะนั้นที่น้องนำมาเผยแพร่ยังขัดแย้งกันอยู่ เป็นการกล่าวหาที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งความผิดตาม มาตรา 30 นั้นรุนแรงมาก คือ 1.ผู้ที่กระทำผิดนั้นต้องเป็นผู้ถูกตัดสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้ง 2.ถ้าพรรคที่เป็นต้นสังกัดรับเลือกตั้งนั้นไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อยับยั้ง สิ่งที่ตามมาก็แรงขนาดยุบพรรค ดังนั้นข้อกล่าวหาตามมาตรา 30 ที่จะเข้าข่ายการจูงใจให้เข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคโดยการใช้ แลกเปลี่ยนด้วยการได้รับบัตรสวัสดิการรัฐ จึงค่อนข้างจะแรง
นายสุรพร กรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวอีกว่า เมื่อข้อกล่าวหาอย่างแรง และมีผลกระทบต่อผู้สมัครรวมทั้งพรรค ดังนั้นผู้ที่มีส่วนจะรับความเสียหาย คือ 1.ผู้ที่แพร่ภาพคลิปที่ได้กล่าวหาตามมาตรา 30 , 2.บุคคลที่มีเจตนาจะลงสมัครรับเลือกตั้ง มีส่วนจะถูกตัดสิทธิ , 3.พรรคการเมืองที่มีโอกาสจะถูกยุบพรรค ดังนั้น เพื่อให้ความเป็นธรรม ทั้งผู้กล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหา และพรรคการเมืองได้ คือตั้งตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนในฐานะกรรมการบริหารพรรค จะเสนอให้ฝ่ายกฎหมายเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติ เพราะถ้าไม่ได้ข้อยุติก็จะยืดเยื้อไปถึงว่าจะมีสิทธิลงสมัครได้หรือไม่ อย่างไร ถ้าไปสมัครแล้วถูกตัดสิทธิทั้งที่ยังไม่มีความชัดเจน เราจึงต้องการหลักฐานที่ชัดเจนในข้อกล่าวหา
ก่อนหน้านี้นายทะเบียนพรรค ดำเนินการมาตลอดในการอบรมให้ความรู้ของผู้แสดงเจตจำนงอยากลงสมัครรับเลือกตั้งทุกภาค รวมทั้งผู้ติดตามด้วยว่ามาตรา 30 คืออะไร ทุกคนเข้าใจทั้งหมด ดังนั้นโอกาสจะเกิดสุ่มเสี่ยงอย่างนี้มันจะหลุดบ้างเป็นบางทีบางคนหรือเปล่า หรือไม่ได้หลุดจริง อย่างที่เป็นคลิปเนี่ยก็ต้องสอบสวนกัน และต้องให้เจ้าหน้าที่ของเราที่เป็นฝ่ายกฎหมายขอความรู้จาก กกต. แล้วดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริง และสุดท้ายถ้าเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องเป็นไปตามนั้น ข้อเท็จจริงเกิดแล้วไม่มีใครเบี่ยงเบนได้ เราเพียงเสาะหาข้อเท็จจริงทั้งคำกล่าวหาและหลักฐานมายืนยันกัน
นายสุรพร กรรมการบริหารพรรค พปชร. ตอบคำถามด้วยว่า ในส่วนของผู้สมัครนั้น ก็จะให้ฝ่ายกฎหมายประสานไปสอบถามข้อมูลเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในเรื่องข้อมูล ทั้งนี้ตนขอยืนยันด้วยว่าก่อนที่จะมีการคลายล็อกพรรคการเมืองก็มีผู้แสดงเจตจำนงจะมาเป็นสมาชิกพรรคได้เผยแพร่เอกสารและเกี่ยวข้องกับพรรคซึ่งเป็นการขัดต่อ พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ เราก็เตือนไปและเขาคนนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะเป็นผู้สมัครแล้ว นั่นคือสิ่งที่เราได้บังคับใช้ข้อกฎหมายอย่างจริงจังของพรรค
อย่างไรก็ดีกับกรณีนี้ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายเสนอมาก่อนว่าข้อเท็จจริงที่ยุติเป็นอย่างไร หากไม่เป็นตามนั้น มีเหตุผลอย่างไร และการถูกกล่าวนั้นมีผลเสียหายเป็นอย่างไร ทั้งนี้ยืนยันว่าการตรวจสอบนี้เป็นหน้าที่ของพรรค ซึ่งตามมาตรา 30 พ.ร.ป.พรรคการเมือง คือพรรคการเมืองต้องทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อยับยั้งไม่ให้มีการกระทำต่อ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของพรรคการเมืองเลย จะนิ่งดูดายไม่ได้ ส่วนระยะเวลาตรวจสอบก็ต้องเสร็จก่อนวันสมัครรับเลือกตั้งแน่นอน สำหรับจะมีกี่ทีมร่วมตรวจสอบก็ต้องขึ้นกับฝ่ายกฎหมายดำเนินการ โดยขณะนี้นอกจากคลิปภาพ-เสียง หลักฐานอื่นก็ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม ตนก็พยายามเสาะหาตั้งแต่เมื่อวาน ครั้งแรกก็คาดหวังเหมือนกันว่าสื่อที่เริ่มต้นการแพร่ภาพและแชร์ต่อ จะได้ตามคนที่กล่าวหาและถูกกล่าวหาได้เจอเพราะมีเครื่องมือที่อาจจะลึกกว่าเรา แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีสื่อไหนมีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเราก็จะดำเนินการตามหาต่อไป เราพูดมาตลอดว่าเราไม่เกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การจะออกบัตรได้ไม่ใช่หน้าที่เรา ส่วนน้องคนที่ถ่ายภาพเท่าที่ทราบมาอายุยังไม่มากคงอยากจะทำให้คนเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น อาจจะสงสารยายคนที่เป็นเจ้าของใบสมัครก็อาสาไปทำให้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามาโยงเข้ากับสวัสดิการรัฐตอนไหน
จากที่ศึกษา มาตรา 30 พ.ร.ป.พรรคการเมือง เป็นประเด็นปัญหาใหญ่มากของทุกพรรคการเมืองที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษกับการกระทำของสมาชิกของพรรค ซึ่งไม่ใช่แค่ผู้สมัคเท่านั้น แต่แค่เพียงสมาชิกพรรคกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายอย่างรุนแรงก็ถึงขั้นยุบพรรคได้ ดังนั้นเราที่เป็นกรรมการบริหารพรรคก็ต้องใส่ใจเป็นกรณีพิเศษ เพราะพรรคคงไม่ทำผิด แต่บุคคลที่อยู่ข้างนอกอาจไม่เข้าใจกฎหมายโดยถ้วน ที่สำคัญกฎมายเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมืองใหม่ตามรัฐธรรมนูญฯนี้ มีรายละเอียดเยอะมาก ถ้าไม่ศึกษาก็จะพลาดง่ายมาก
เมื่อถามว่า มองเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ นายสุรพร กรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวว่า การกล่าวหานั้นเป็นไปตาม มาตรา 30 แต่เราก็ไม่สามารถไปกล่าวว่ามีเหตุจงใจจะทำให้ละเมิดต่อเราทั้งผู้สมัครและพรรค ก็ขอให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจดู หากเป็นความเข้าใจผิดก็คงไม่เอาผิดกันเพราะไม่มีเจตนาจงใจ อย่างไรก็ดีหากคนรุ่นนี้ชอบการเมืองแล้วเคลื่อนไหวทางการเมืองก็เป็นสิ่งที่ดีแต่ต้องศึกษาให้เยอะขึ้น ดูให้ละเอียด ยืนในจุดที่มั่นคง
ขณะที่ นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรค ระบุว่า ภาพข่าวที่อยู่ในคลิปส่งต่อกันมาคงเป็นภาพที่สร้างความไม่สบายใจกับพรรคเป็นอย่างยิ่งเพราะสืบเนื่องจากที่มีการบอกว่า สมาชิกของพรรค พปชร. มีการรณรงค์รับสมัครสมาชิกพรรคโดยมีการจูงใจในเรื่องบัตรสวัสดิการ ต้องขอเรียนว่าการรณรงค์สมัครสมาชิกพรรคตั้งแต่เราได้รับการจัดตั้งหรือจดทะเบียนวันที่ 7 พ.ย.61 ซึ่งในช่วงที่ยังไม่ปลดล็อกทางการเมืองเราก็ขออนุญาต กกต. ในการเริ่มรับสมัครตั้งแต่งวันที่ 13 พ.ย.61 ก็ใช้ที่ทำการพรรค สำนักงานใหญ่ ถ.รัชดาภิเษก เป็นจุดเริ่มต้นในการรับสมัคร ซึ่งระบบการรับสมัครสมาชิกของเราก็ดำเนินการโดยมีผู้สมัครมาสมัครด้วยตนเองที่พรรคและมีการบันทึกการถ่ายภาพ การใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการผ่านเครื่องอ่านบัตร นี่ก็คือหลักการที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ต้นและเราได้ดำเนินการขยายการรับสมัครสมาชิกโดยการตั้งสาขา 4 ภาค คือภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.ร้อยเอ็ด , ภาคใต้ที่ จ.กระบี่ , ภาคกลางที่ จ.สิงห์บุรี
อย่างไรก็ดีสิ่งที่เราเน้น และเป็นเรื่องสำคัญมาก คือเราไม่ได้รณรงค์ต้องการเอาคนที่ศรัทธาหรือไม่ศรัทธากับพรรค มาเป็นสมาชิกเพื่อคิดถึงยอด คิดถึงจำนวน เพราะเราต้องการคนที่มีอุดมการณ์และเชื่อมั่นในหลักการของพรรคมาสมัครเป็นสมาชิก โดยเมื่อผู้ใดประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกก็เขียนใบสมัครหรือสมัครด้วยตนเองผ่านระบบเครื่อง มีบัตรประจำประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านและมีรูปถ่าย ที่สำคัญในคราวนี้การเป็นสมาชิกตามกฎหมายกำหนดว่าต้องมีค่าธรรมเนียมสมาชิก ซึ่ง คำสั่ง คสช. ลดจากอัตราตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 จาก 100 บาท/ปี เหลือ 50 บาท เราก็เก็บกับสมาชิกทุกคน ซึ่งเป็นหลักการที่เราดำเนินการ และกระบวนการรับสมัครก็ทำที่สำนักงานใหญ่ของพรรค และที่สาขา 4 ภาค ที่เหลือจะมีอีกกรณีคือ การจะดำเนินการให้ตัวแทนของเรารับสมัครที่จังหวัดเพื่อตั้งตัวแทนจังหวัดตามกระบวนการของกฎหมายที่จะนำไปสู่มินิไพมารี่ ที่จะสรรหาผู้ที่จะสมัครเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของเราโดยส่วนนี้ก็ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว โดยสรุปพรรคก็ดำเนินการรับสมัครสมาชิกเริ่มแรก และการตั้งตัวแทนจังหวัด ขณะนี้ก็สมาชิกพรรคของเราประมาณ 20,000 เกือบ 30,000 คนซึ่งก็เป็นจำนวนที่เกินความหมายจากที่ตั้งเป้าตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทั้งประเทศ 10,000 กว่าคน
กรณีสมาชิกผู้ใดถูกชักจูงใจในการสมัครด้วยกรณีต่างๆ ซึ่งบัญญัติไว้ในมาตรา 30 พ.ร.ป.พรรคการเมือง พรรคจะมีความผิด เพราะฉะนั้นเราถือว่าเรื่องนี้พรรคต้องเคร่งครัดอย่างมาก หากมีผู้กระทำการที่ผ่านมาในลักษณะโน้มเอียง หรือล่อแหลม เราก็ตักเตือน คนที่ทำผิดจากข้อบังคับเราก็ดำเนินการตัดสิทธิจากการเป็นผู้สมัครของเราในกรณีต่างๆ ขอเรียนว่าเรื่องนี้เราเคร่งครัดมากในการดำเนินการรับสมัครสมาชิก ก็เป็นหลักการและนโยบายที่พรรคดำเนินการ เป็นกฎ กติกาที่เข้มงวดของพรรค นาย ทะเบียนพรรค พปชร. กล่าวย้ำ และอธิบายว่า ตามมาตรา 30 จะมีข้อกล่าวหา 2 กรณีคือพรรคเป็นผู้กระทำ กับผู้ใดเป็นผู้กระทำ โดยเรื่องนี้เรายืนยันว่าพรรคไม่ได้เป็นผู้กระทำ ส่วนใครเป็นผู้กระทำเป็นการส่วนตัวก็เป็นความรับผิดกรณีไปแต่หากทำให้พรรคเสียหาย พรรคต้องดำเนินการ
"พิเชษฐ" จี้ "ประวิตร" ถอนบทลงโทษ ปัดทุกข้อหา ยัน ทำดี สอบทุจริต
17 พ.ค. 2565 | 14:19ยื่น ป.ป.ช.สอบ นอภ.ป่าติ้ว-ผอ.พศจ.ยโสธร ปล่อย “หมอปลา” จาบจ้วง “หลวงปู่แสง”
17 พ.ค. 2565 | 14:04"ไชยา" ร่อนเรื่องถึง "นายกฯ" ล้มประมูลท่อส่งน้ำอีอีซี แล้ว
17 พ.ค. 2565 | 13:39“พิธา” ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ขอประกัน “ทานตะวัน” ลั่น ม.112 ไม่เป็นผลดีกับใคร
17 พ.ค. 2565 | 13:32โพลลับ “ก้าวไกล” ไขความมั่นใจ “วิโรจน์” แซงโค้งสุดท้ายซิวชัย “ผู้ว่าฯ กทม.”
17 พ.ค. 2565 | 13:18