'อภิศักดิ์'เดินหน้าตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว

'อภิศักดิ์'เดินหน้าตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว

"อภิศักดิ์" รมว.คลัง เดินหน้าตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าว ก่อนส่งต่อให้กรมบัญชีกลาง คาดแล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการประเมินความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ว่า ในขณะนี้ครม.ได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด ประกอบด้วยสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลัง เพื่อดำเนินการตรวจสอบในโครงการรับจำข้าว โดยกรมบัญชีกลางจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบเพื่อชดเชยความเสียหายต่อไป โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้

ส่วนการออกพ.ร.บ.กู้เงินพิเศษ เพื่อชำระหนี้จากโครงการรัฐวงเงิน 700,000 ล้านบาท ตามที่นายสมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง ได้เสนอไว้ในช่วงที่ผ่านมานั้น อยู่ระหว่างการศึกษาให้ละเอียดรอบคอบ เพราะในปัจจุบันกระแสเงินสดในขณะนี้ยังสามารถอยู่ในกรอบที่สามารถบริหารจัดการได้ จึงยังไม่จำเป็นที่จะต้องเสนอออกกฎหมายดังกล่าว เพื่อมาล้างหนี้ก็ได้

"ปัจจุบันได้หารือเกี่ยวกับฐานะการคลังและกระแสเงินสด พบว่าไม่มีปัญหาภาระหนี้กระจุกตัวในเวลาเวลาหนึ่งจนมีปัญหาสภาพคล่อง จึงยังไม่จำเป็นต้องเร่งออก พ.ร.บ.กู้เงินพิเศษเพื่อชำระหนี้จากโครงการรัฐวงเงิน 7 แสนล้านบาท เพราะหากออกพันธบัตรมาเพื่อมาใช้หนี้เดิม มันก็ยังเป็นหนี้ก้อนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง"นายอภิศักดิ์ กล่าว

ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 ที่จะเน้นในเรื่องของการส่งเสริมการลงทุน ร่วมกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ นั้น คาดว่าจะสามารถเสนอเข้า รม.ในช่วง 2-3 สัปดาห์ นี้ โดยจะมีทั้งมาตรการภาษี เพื่อกระตุ้นการลงทุนใหม่ นอกจากนี้ยังมีมาตรการอื่นๆออกมาด้วย

สำหรับมาตรการที่อยู่ระหว่างการศึกษา คือ อุตสาหกรรมที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ในอนาคต เพื่อให้ไทยมีความได้เปรียบคู่ค้าคู่แข่ง และสามารถก้าวข้ามเศรษฐกิจชะลอตัวไปได้ นอกจากนี้ยังคำนึงถึงอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีปัญหาในอนาคต ว่าจะสามารถเข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้กับกลุ่มดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาตนได้เรียกกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นรายกลุ่มมาหารือบ้างแล้ว ว่าจะมีการเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไรบ้างในกรณีที่มีปัญหา เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในอนาคต

"แนวคิดเราเพื่อให้อุตสาหกรรมเข้มแข็ง ในส่วนของภาครัฐที่ช่วยให้เข้มแข็งก็ช่วยต่อไป ในกลุ่มที่มีปัญหาเราก็ต้องเข้าไปช่วยแก้ เพื่อให้เกิดผลกระทบจนทำเศรษฐกิจทรุด โดยจะพยายามแก้ปัญหาในลักษณะป้องกัน ดีกว่ารอให้เกิดปัญหา" นายอภิศักดิ์ กล่าว