กรมราชทัณฑ์ แจงปมอดีตผู้ต้องขังบุกแทงนักเรียน ม.2 ดับ ยันไม่ได้ป่วยทางจิต

กรมราชทัณฑ์ แจงปมอดีตผู้ต้องขังบุกแทงนักเรียน ม.2 ดับ ยันไม่ได้ป่วยทางจิต

กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีอดีตผู้ต้องขังบุกแทงนักเรียนหญิง ม.2 เสียชีวิต เผยเพิ่งพ้นโทษก่อนปีใหม่ ยืนยันไม่ได้ป่วยทางจิต

นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีข่าวปรากฏว่า อดีตผู้ต้องขัง ก่อเหตุบุกแทงนักเรียนหญิง ชั้น ม.2 โรงเรียนบ้านเล้าวิทยาคาร จังหวัดร้อยเอ็ด จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 มกราคม 2566 ที่ผ่านมานั้น

 

 

ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลของผู้ก่อเหตุดังกล่าว เป็นอดีตผู้ต้องขังที่ปล่อยตัวพ้นโทษจากเรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อตรวจสอบทะเบียนประวัติพบว่า

  • เคยกระทำผิดครั้งแรกในคดีทำร้ายร่างกาย
  • ครั้งที่สองในคดีทำร้ายร่างกาย
  • ครั้งนี้เป็นกระทำผิดเป็นครั้งที่ 3 ในคดีมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

จึงจัดอยู่ชั้นต้องปรับปรุงมาก และได้จำคุกครบตามหมายศาล เป็นระยะเวลา 8 เดือน พ้นโทษเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2565 เรือนจำจังหวัดร้อยเอ็ด

 

จึงได้ตรวจสอบข้อมูลด้านการประเมินสุขภาพจิต (แบบประเมินของกระทรวงสาธารณสุข) จากสถานพยาบาลของเรือนจำ พบประวัติเคยใช้สารเสพติดมาก่อน แต่ขณะที่ถูกควบคุมอยู่ภายในเรือนจำผู้ต้องขังดังกล่าวไม่ได้มีพฤติกรรมที่ชี้ให้เห็นว่ามีอาการทางจิต อีกทั้งทางเรือนจำยังได้ประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบว่ามีความผิดปกติก่อนปล่อยตัวแต่อย่างใด และไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่ม Watchlist เนื่องจากการกระทำผิดที่ผ่านมาเป็นคดีที่ไม่เข้าข่ายตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือ กฎหมาย JSOC ดังนั้นเมื่อกรมราชทัณฑ์ได้จำคุกครบตามกำหนดโทษแล้ว จึงไม่มีอำนาจในการควบคุมตัวไว้ได้อีกต่อไป และกรมราชทัณฑ์ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต

 

 

โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมราชทัณฑ์ได้เน้นย้ำในมาตรการตรวจคัดกรองสภาวะสุขภาพจิตของผู้ต้องขังและคัดกรองการติดยาเสพติด รวมถึงคัดกรอง ผู้ต้องขังที่เสพสุราและมีภาวะถอนพิษสุราแบบรุนแรงทุกราย และขณะนี้พร้อมขับเคลื่อน กฎหมาย JSOC ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้ผลักดันจนสำเร็จ เพื่อกลั่นกรองผู้ต้องขังที่จัดอยู่ใน Watchlist ซึ่งเมื่อพ้นโทษแล้วต้องติดกำไลอีเอ็มหลังพ้นโทษเพื่อป้องกันสังคมจากบุคคลอันตรายเหล่านี้ให้ได้