“Avatar” ภาค 1 ยังแรง! สัปดาห์แรกโกยทะลุ 1 พันล้าน หลังฉายรอบที่ 5 ทั่วโลก

“Avatar” ภาค 1 ยังแรง! สัปดาห์แรกโกยทะลุ 1 พันล้าน หลังฉายรอบที่ 5 ทั่วโลก

“Avatar” กลับเข้าฉายในรูปแบบรีมาสเตอร์ความคมชัดระดับ 4K ในโรงภาพยนตร์เป็นรอบที่ 5 โดยสุดสัปดาห์แรกกวาดรายได้ไปกว่า 1,000 ล้านบาททั่วโลก นักวิเคราะห์คาดว่า นี่อาจเป็นการเปิดทางให้ “Avatar: The Way of Water” ภาคต่อที่จะเข้าฉาย ธ.ค.นี้ เปิดตัวด้วยรายได้สูงบนบ็อกซ์ ออฟฟิศ

สัปดาห์ที่ผ่านมา “Avatar” ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดที่สุดในโลกของผู้กำกับสุดเก๋า “เจมส์ คาเมรอน” ทยอยกลับเข้าฉายในโรงภาพยนตร์หลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี รวมถึงในสหรัฐ ซึ่งสุดสัปดาห์แรก ทำรายได้จากการเข้าฉายทั่วโลกไปกว่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,137 ล้านบาท (21-25 ก.ย.) ซึ่งรวมถึงในสหรัฐ 10 ล้านดอลลาร์ (23-25 ก.ย.)

Avatar เข้าฉายครั้งแรกในปี 2552 เป็นภาพยนตร์ที่ปฏิวัติวงการภาพยนตร์ของโลก ด้วยการเข้าฉายในระบบเทคโนโลยีการฉายแบบ 3 มิติเป็นเรื่องแรก อีกทั้งงานด้านภาพที่เป็นจุดเด่นของภาพยนตร์ ด้วยความงดงามเหนือจินตนาการของอาณาจักรแพนโดรา และชนเผ่านาวีที่มีตัวสีฟ้าแปลกตา ล้วนดึงดูดให้ผู้ชมดำดิ่งเข้าสู่โลกของภาพยนตร์อย่างง่ายดาย จนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก ทำให้ผู้ชมต้องการพิสูจน์ความแปลกใหม่ของนวัตกรรมสุดล้ำ

จนทำให้ Avatar กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ล้มแชมป์เก่าอย่าง “ไททานิค” (2540) ภาพยนตร์โศกนาฏกรรมเรือล่มในตำนานได้สำเร็จ จากผลงานของเจมส์ คาเมรอนเช่นกัน

หลังจากนั้น Avatar ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์อีกหลายครั้ง โดยครั้ง 2 เข้าฉายในปี 2553 ในชื่อว่า Avatar 2010 Special Edition ซึ่งมีความยาวมากกว่าเวอร์ชันต้นฉบับ ส่วนครั้งที่ 3 เข้าฉายในปี 2563 ในกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิก

ขณะที่ครั้งที่ 4 เป็นการเข้าฉายครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อปี 2564 เก็บรายได้เพิ่มไปกว่า 57 ล้านดอลลาร์ ทำให้ Avatar กลับมาครองบัลลังก์แชมป์ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดได้อีกครั้ง หลังจากเสียแชมป์ให้กับภาพยนตร์รวมพลซูเปอร์ฮีโร่ค่ายมาร์เวล “The Avengers: Endgame” ในปี 2563

ในปีนี้ Avatar กลับเข้าฉายในหลายประเทศทั่วโลกเป็นครั้งที่ 5 รวมถึงประเทศไทยที่เข้าฉายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. ในชื่อว่า “Avatar [Re-Release]” ที่มาพร้อมกับฟุตเทจเพิ่มเติมจากภาพยนตร์เวอร์ชันปี 2552

นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงภาพภาพยนตร์ให้คมชัดระดับ 4K HDR เฟรมเรต 48 ภาพต่อวินาทีที่ให้ภาพที่นุ่มนวลยิ่งขึ้น เหมือนกับภาพที่ดวงตามนุษย์มองเห็น ให้ผู้ชมได้สัมผัสกับภาพยนตร์อย่างเต็มตา เต็มอารมณ์ยิ่งขึ้น พาผู้ชมไปสัมผัสกับอาณาจักรแพนโดราได้อย่างเต็มอรรถรส อีกทั้งยังเป็นการให้ผู้ชมได้รำลึกถึงความหลังและรื้อฟื้นความทรงจำก่อนที่จะได้รับชมภาพยนตร์ภาคต่อ “Avatar: The Way of Water” ซึ่งมีกำหนดเข้าฉาย 15 ธ.ค. ปีนี้ หลังจากรอคอยกันมานานถึง 13 ปี

ขณะเดียวกัน การนำเอา Avatar กลับมาฉายใหม่ทั่วโลกเป็นครั้งที่ 5 เพราะทางค่ายหนัง 20th Century Studio ต้องการพิสูจน์ว่า แฟนภาพยนตร์ยังอยากชม Avatar อยู่อีกหรือไม่ เนื่องจากหลังจากนี้จะมีให้ภาพยนตร์ภาคต่อให้ดูกันอีกยาว ๆ ถึง 5 ภาคมีกำหนดฉายไปถึงปี 2571

“จากตัวเลขเปิดตัวในรอบนี้ที่ทำไปได้ถึง 30 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเข้าฉายเฉพาะในระบบ 3 มิติเท่านั้น เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า แฟน ๆ ยังคงรักหนังเรื่องนี้ และภาค 2 ที่กำลังจะเข้าฉายในเดือน ธ.ค. น่าจะเปิดตัวได้สวยงามบนตารางหนังทำเงิน” ชอว์น ร็อบบินส์ หัวหน้านักวิเคราะห์สื่อของ BoxOffice.com กล่าว

อย่างไรก็ตาม ร็อบบินส์เสริมว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ มีการนำเอาภาพยนตร์เก่ากลับมาฉายจนแทบจะเป็นเรื่องปกติ เห็นได้จากขณะนี้ ภาพยนตร์ชุด “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ภาค 1-4 ถูกนำกลับมาฉายใหม่ “The Godfather” ภาพยนตร์ขึ้นหิ้งก็พึ่งเข้าฉายไปเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี รวมถึง “Spider-Man: No Way Home” ภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็กลับมาเข้าโรงอีกครั้งพร้อมกับเพิ่มฉากใหม่ความยาว 11 นาที หรือแม้แต่ไททานิคเองก็เคยกลับมาฉายแล้วหลายรอบเช่นกัน 

ดังนั้น การทดสอบของค่ายภาพยนตร์ดังในครั้งนี้ อาจจะไม่ได้การันตีรายได้โดยรวมของ Avatar ภาค 2 ได้ อีกทั้งไม่ได้หมายความว่า ผู้ชมทั้งหมดจะต้องการดูภาพยนตร์แบบ 3 มิติ ร็อบบินส์ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ค่ายหนังอาจจะต้องนำภาพยนตร์ฉายให้ครบในทุกรูปแบบตั้งระบบ 2 มิติทั่วไป ไปจนถึงระบบ IMAX เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมทุกกลุ่ม แม้ว่าตอนที่ Avatar เข้าฉายครั้งแรก ระบบ 3 มิติจะเป็นเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจของผู้ชมอย่างมากก็ตาม แต่ด้วยระยะเวลาร่วมทศวรรษทำให้การฉายภาพยนตร์ในระบบ 3 มิติแทบจะเป็นเรื่องปรกติของวงการภาพยนตร์ไปแล้ว

ขณะเดียวกัน แม้ว่าระบบ 3 มิติจะมีมานานร่วม 10 ปี แต่ยังคงได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่ง Avatar สามารถทำรายได้จากตลาดต่างประเทศไปกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนในสหรัฐ โกยยอดขายตั๋วกว่า 93% นั้นยังคงมาจากระบบ 3 มิติ

พอล เดอร์การาเบเดียน นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสของ Comscore บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของสหรัฐ กล่าวว่า “รายได้ในสุดสัปดาห์แรกที่ Avatar ทำได้ในตลาดต่างประเทศกว่า 20.5 ล้านดอลลาร์ ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับรายได้เปิดตัวทั่วโลกของ Avatar: The Way of Water” 



ที่มา: CNBC, Thailand Box Office, The Hollywood Roperter, The Verge