"มะเร็งปอด" รู้ก่อนรักษาได้ ควรตรวจและเลี่ยงเรื่องใดบ้าง

"มะเร็งปอด" รู้ก่อนรักษาได้ ควรตรวจและเลี่ยงเรื่องใดบ้าง

ความเสี่ยงแค่ไหนมีโอกาสเป็น"มะเร็งปอด" นอกจากประวัติครอบครัว ยังมีปริมาณการสูบบุหรี่ ระยะเวลาที่สูบ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อีก

อะไรคือความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งปอด และส่วนใหญ่กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปอด ก็อยู่ในระยะที่ 4 หรือแพร่ไปยังอวัยวะอื่นแล้ว

นายแพทย์ ผดุงเกียรติ ตั้งพิรุฬห์ธรรม ศัลยศาสตร์ทรวงอก ด้านผ่าตัดส่องกล้องปอด โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่า การศึกษาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเกี่ยวกับการคัดกรองมะเร็งปอด ทำให้รู้ว่าการใช้เสมหะหาเซลล์มะเร็ง (sputum cytology)  และ เอกซเรย์ปอด (chest X-Ray) ไม่ได้ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นได้

เนื่องจากการเอกซเรย์ปอดนั้นไม่สามารถค้นพบมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นที่ยังไม่เป็นก้อนทึบ (subsolid nodule/ground glass nodule) ได้ เพราะความละเอียดไม่เพียงพอ

เอกซเรย์ ตรวจหามะเร็งปอดไม่ละเอียด

ดังนั้น การตรวจเอกซเรย์ปอดแล้วไม่เจอจุดในปอด (lung nodule) แพทย์ก็ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่าผู้ป่วยไม่เป็นมะเร็งปอด

ในทางกลับกันอาจทำให้ผู้รับการตรวจเข้าใจผิดไปว่าตนเองไม่มีโรคร้ายนี้ ก่อให้เกิดผลเสียในภายหลังได้ ซึ่งต่างจากการเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low-dose CT chest) 

ที่เป็นการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณทรวงอกด้วยปริมาณรังสีต่ำให้ภาพ 3 มิติที่ให้รายละเอียดในบริเวณปอด แม้ใช้ปริมาณรังสีไม่สูงมากและไม่ต้องฉีดสารทึบแสงก็สามารถตรวจพบจุดเล็ก ๆ หรือก้อนในปอดได้

ทำให้ตรวจพบมะเร็งในระยะแรกได้ชัดเจนกว่าการ Chest X-ray ตรวจง่าย ใช้เวลาไม่นาน มีผลข้างเคียงน้อย สามารถลดการเสียชีวิตของผู้ป่วยได้มากถึง 20%

สูบบุหรี่เยอะเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

(สูบบุหรี่ต่อเนื่องยาวนานเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด)

ทำให้ปัจจุบันสมาคมแพทย์ทั่วโลก เช่น NCCN (National Comprehensive Cancer Network)  ASCO (American Society of Clinical Oncology) และ ACCP  (American College of Chest Physicians) แนะนำให้ตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในประชากรที่มีความเสี่ยงสูง ด้วยวิธีนี้ 

กลุ่มไหนเสี่ยงเป็นมะเร็งปอด

กลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (high risk group) มีรายงานจาก National Lung Screening Trial (NLST) ของอเมริกา คาดว่ามีอายุ 50 - 80 ปีสูบบุหรี่เฉลี่ยวันละครึ่งซองมานานกว่า 30 ปี  หรือ 1 ซองมานานกว่า 20 ปี และปัจจุบันยังสูบอยู่ หรือเลิกสูบบุหรี่ไม่ถึง 15 ปี มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็ง 

นอกเหนือจากการสูบบุหรี่แล้วการวิเคราะห์ข้อมูลจากงานวิจัยดังกล่าวพบว่า มีตัวแปรอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ อายุ เพศ เชื้อชาติ ประวัติมะเร็งปอดของครอบครัว ประวัติมะเร็งอื่น ๆ ของผู้คัดกรอง

รวมถึงประวัติการเป็นถุงลมโป่งพอง ในประชากรที่มีความเสี่ยงปานกลาง คือ กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (20 pack-year) 

หรือมีความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น มีบุคคลอื่นในครอบครัวสูบ (second-hand smoker) อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น ธูป ฝุ่นละอองควัน เป็นต้น ในปัจจุบันยังไม่มีข้อแนะนำให้คัดกรองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ แต่กำลังมีการศึกษาในประชากรกลุ่มนี้ ซึ่งทำให้ข้อแนะนำอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต 

สูดดมควันธูปเสี่ยงเป็นมะเร็ง

แม้ควันธูปจะต่างจากบุหรี่ แต่มีผลกระทบทางอ้อมคล้ายกับผู้ได้รับบุหรี่มือสอง ทำให้การวัดปริมาณการได้รับทำได้ค่อนข้างยาก

อย่างไรก็ตามมีการศึกษาในสัตว์ทดลองหรือการเก็บข้อมูลย้อนหลังในมนุษย์พบว่า การได้รับควันธูปเป็นระยะเวลานานมีผลกระทบกับเนื้อเยื่อปอดและอาจจะส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนเป็นมะเร็งในอนาคตได้

ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีควันจากธูปหนาแน่น หรือใส่หน้ากากที่กรองอนุภาคขนาดเล็กได้ 

นอกจากนี้ยังมีฝุ่นละอองควัน 2.5 (PM 2.5) หรือฝุ่นละอองควันที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน เกิดจาก ควันรถ การเผาไหม้ การก่อสร้าง ฝุ่นข้ามแดน เป็นต้น

สารเหล่านี้เมื่อเข้าไปในหลอดลมของสิ่งมีชีวิตจะก่อให้เกิดการระคายเคือง ตามด้วยการอักเสบของเนื้อเยื่อปอด ส่งผลกระทบต่อคนที่มีโรคปอดอักเสบ โรคหัวใจขาดเลือด รวมทั้งโรคมะเร็งปอดได้

ดังนั้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในช่วงเวลาที่มี PM 2.5 มากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ควรหลีกเลี่ยงการออกนอกอาคาร ใช้เครื่องฟอกอากาศ หรือหากจำเป็นต้องออกนอกอาคารควรใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองควัน 

ส่วนบุหรี่ไฟฟ้า (Electronic cigarettes, E-cigarettes) ส่วนประกอบหลักคือ นิโคติน และผสมด้วยตัวทำละลาย (Propylene Glycol) กลิ่น และ รสต่าง ๆ มีจุดประสงค์คือลดการใช้บุหรี่ที่มีส่วนผสมของสารพิษ คือ สารหนู (Arsenic) ตะกั่ว (lead) และอื่น ๆ

การศึกษาพบว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าก่อให้เกิดการอักเสบกับทางเดินหายใจได้ ถึงแม้เมื่อเทียบกับบุหรี่แล้วน้อยกว่ามาก แต่ก็มีผลเสียวัยรุ่นตัดสินใจลองใช้ได้ง่ายขึ้นและนำไปสู่การใช้สารเสพติดอื่นในอนาคต 

การตรวจพบมะเร็งปอดระยะเริ่มแรกนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสการรักษาให้หายแล้วยังสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยในระยะยาวได้

ดังนั้น ผู้ที่เคยสูบบุหรี่แต่เลิกสูบไปแล้วภายใน 15 ปีที่ผ่านมาและมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปมีคำแนะนำว่า ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดอย่างละเอียดด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (low dose CT chest)อย่างน้อยปีละครั้ง

...........

ข้อมูลจากรพ.มะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ โทร. 02-755-1188 หรือ โทร 1719  หรือ add line : @cancercare