เรียนรู้จากที่ทำงาน จนได้ปริญญา | บวร ปภัสราทร

เรียนรู้จากที่ทำงาน จนได้ปริญญา | บวร ปภัสราทร

มีคนบอกว่าปริญญาจะไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่แค่ไปสมัครงานตามหน่วยราชการที่บอกว่าต้องมีปริญญาโดยไม่มีปริญญา ก็สมัครไม่ได้อยู่ดีในวันนี้ และยังมองไม่เห็นว่าอีกนานแค่ไหน เราจะไปสมัครงานในตำแหน่งที่ราชการกำหนดว่า ต้องจบปริญญาได้โดยไม่ต้องมีปริญญา 

ถ้าเป็นภาคเอกชนอาจจะได้เห็นเร็วหน่อย เพราะอยากได้คนที่ทำงานนั้นได้มากกว่าคนที่เคยเรียนเรื่องนั้นมา  แต่วันดีคืนดีก็ยังเห็นผู้บริหารเกทับกันด้วยโรงเรียนที่เล่าเรียนมา ของฉันไอวีลีกส์ ของแกมาจากไหน 

เวลาที่ต้องเล่าเรียนต่อเนื่องกันยาวนานสามปีสี่ปีกว่าจะได้ใบปริญญากันมา ถ้าเป็นเมืองฝรั่งยังดีหน่อยที่บ้านเขามีการงานให้ทำกันทั้งในสถานศึกษา และพื้นที่ใกล้เคียง พอมีเงินมีทองมาเล่าเรียนกันนาน ๆได้ ระบบเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาของเขาก็แข็งแรงกว่าบ้านเรามากทีเดียว 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ประธานาธิบดีก็มายกเลิกหนี้สินจากการศึกษาให้อีก ในบ้านเรามีจำนวนมากทีเดียวที่ครอบครัวต้องแบกภาระนี้ไว้ เพื่อให้ลูกหลานได้ปริญญา ที่แย่มาก ๆคือถึงขั้นเอาที่ทำมาหากินไปขาย เพื่อหวังให้ลูกหลานได้เล่าเรียนจบแล้วหวังว่าจะได้เป็นเจ้าคนนายคน แต่จบมาจริง ๆ กลับตกงานเสียอีก

เพราะจบในยามยากเย็น ลงทุนหาย ค้าขายหดตัว  การจำยอมไปเล่าเรียนนานเป็นปีโดยไม่ทำมาหากิน ไม่น่าจะใช่ทางเลือกที่ดีของวันนี้สำหรับหลายคน แม้ว่าใครที่บ้านมีเงินมีทองจะไม่เดือดร้อนไปกับการเล่าเรียนนานเป็นปีโดยไม่มีงานทำก็ตาม

ในโลกทุกวันนี้เขายอมรับกันทั่วหน้าว่า การเรียนรู้เกิดขึ้นได้หลายหนทาง ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ภายในสถาบันการศึกษาเหมือนแต่ก่อน ที่เรียนรู้ได้มากช่องทางขึ้นก็มาจากความก้าวหน้าทางดิจิทัลที่พบเจอกันในทุกวันนี้ ผู้นำบางคนยังแนะนำให้ผู้คนหัดใช้กูเกิลกันบ้าง 

เรียนรู้จากที่ทำงาน จนได้ปริญญา | บวร ปภัสราทร

ดังนั้น เมื่อการเรียนรู้เกิดขึ้นได้นอกห้องเรียน ที่แห่งหนึ่งที่ส่งมอบความรู้และทักษะที่แท้จริงได้ดีที่สุดคือที่ทำงาน คงนึกออกว่าเราเรียนรู้อะไรต่ออะไรมากมายจากที่ทำงาน

แต่ก่อนนี้การเล่าเรียนแยกตัวเด็ดขาดจากการทำงาน คงเคยเห็นเงื่อนไขการรับสมัครเข้าเรียนที่กำหนดว่าต้องเรียนเต็มเวลา วันนี้ใครที่ยังคิดว่าเล่าเรียนกับทำงานต้องแยกกันเด็ดขาด น่าจะเป็นคนที่ชอบนาฬิกาที่ไม่เดิน คือชอบหยุดเวลาไว้นานเท่านาน 

มหาวิทยาลัยเริ่มมีการควบรวมการทำงานเข้ากับการเล่าเรียนมานานแล้ว ที่รู้จักกันว่าเป็นการฝึกงานบ้าง สหกิจศึกษาบ้าง หรือเป็นชื่อใหม่ ๆที่ดูดีว่า CWIE บ้าง แต่การทำงานเหล่านี้ก็ยังจำกัดอยู่ภายใต้กรอบของการศึกษาตามหลักสูตรใดหลักสูตรหนึ่งอยู่ดี

คือต้องเข้าไปเป็นนักศึกษาก่อน แล้วค่อยมาทำงานตามที่หลักสูตรนั้นกำหนดไว้ ต้องไปเป็นพนักงานร้านขายของหกเดือนปีหนึ่งเพื่อให้ได้หน่วยกิตมาเป็นส่วนหนึ่งของการสำเร็จการศึกษา

มิติใหม่ในวงการอุดมศึกษาไทย คือ ต่อไปนี้ทำงานอะไรมาก็สามารถแปลงความรู้ แปลงทักษะที่ได้มาจากการทำงานจริง ๆไปเป็นหน่วยกิตได้ ไปสอบ TOEICได้ผลมา ไปฝึกอบรมอะไรมาก็แปลงไปเป็นหน่วยกิตได้  เพิ่มเติมจากที่ดั่งเดิมเคยได้หน่วยกิตมาเฉพาะจากการเล่าเรียน หรือการฝึกทำงานภายใต้เงื่อนไขที่หลักสูตรที่เล่าเรียนกำหนดไว้เท่านั้น  

เรียนรู้จากที่ทำงาน จนได้ปริญญา | บวร ปภัสราทร

หน่วยกิตเป็นเหมือนสกุลเงินอุดมศึกษา แต่ก่อนนี้ ใครอยากได้ปริญญาต้องเล่าเรียนให้ได้หน่วยกิตตามจำนวนที่กำหนด เหมือนกับว่าต้องมีเงินสกุลบาทตามจำนวนที่กำหนดไว้เท่านั้น  

ในชีวิตจริงในปัจจุบัน บางคนทำงานมาเยอะแยะ รู้สารพัด ประสบการณ์มากมาย คล้ายๆกับมีเงินสกุลดอลลาร์เต็มกระเป๋า แต่ไม่มีใครยอมแปลงดอลลาร์เป็นบาทให้ กลายเป็นคนรวยเงินดอลลาร์ แต่เป็นยาจกเงินบาท เพราะไม่เคยได้หน่วยกิตมาจากการเล่าเรียน  

ถ้าความรู้และทักษะจากการทำงานเป็นเหมือนการมีดอลลาร์ และความรู้ที่ได้จากการเล่าเรียนเป็นเหมือนมีเงินบาท โดยที่จะจบปริญญาต้องมีเงินบาทตามที่กำหนด

มาตรฐานอุดมศึกษาใหม่ยอมให้มีการแปลงการทำงานเป็นหน่วยกิตได้ เหมือนการยอมให้มีการแปลงเงินดอลลาร์เป็นเงินบาทได้  ยอมให้แปลงการฝึกอบรมเป็นหน่วยกิตได้ เสมือนแปลงเงินยูโรเป็นเงินบาท แปลงได้มากน้อยก็เป็นไปตามบริบท

 วันนี้คนไทยได้ปริญญาจากการทำงานได้แล้ว ทำมาหากินก็มีโอกาสได้ปริญญา ถ้าอยากรู้ว่าต้องทำอย่างไรให้ถามท่านประธานกรรมการมาตรฐานอุดมศึกษาที่เป็นต้นคิดเรื่องนี้ดูได้. 

คอลัมน์ : ก้าวไกลวิสัยทัศน์

รศ.ดร.บวร ปภัสราทร

คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี