นักเขียน นักสะสมหอยที่มีเรื่องเล่ามากมายจากคอล้มน์ เท่าฝาหอย
เวลาพ่อเล่าเรื่องในชีวิตของพ่อให้ผมฟัง ผมจะมีความสุขไปพร้อมๆ กับพ่อ
พ่อเป็นครูคนแรกที่ให้ความรู้เรื่องหอยกับผม ผมจึงเป็นคนคิดนอกกรอบตั้งแต่เด็ก
ในวัยเด็ก พ่อเป็นคนรักการอ่าน ห้องสมุดประชาชนจึงเปรียบเสมือนโลกหลังเลิกเรียนอีกใบของพ่อที่จะตักตวงความรู้จากหนังสือและตำรา เพราะพ่อไม่มีทุนรอนมากมาย พ่อมีเพียงจักรยานเก่าๆ อยู่หนึ่งคัน
พ่อปั่นไปทั่วเกาะ เหนือ ใต้ ออก และตก พ่อเป็นนักสำรวจที่ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย
ตอนหนุ่มๆ ฮีโร่ในใจของพ่อเป็นนักสำรวจทะเลชาวฝรั่งเศส ชื่อฌาค คูสตู (Jacques Cousteau) คนนี้แหละที่ทำให้พ่อหลงใหลโลกสีครามอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เหมือนที่ผมเคยเล่าให้ฟัง พ่อเคยทำการเกษตรอยู่สองสามปี แต่ไม่ได้ทำให้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ
พ่อจึงหันมาจับผีเสื้อและแมลง และพ่อก็ได้เรียนรู้ธรรมชาติจากสิ่งที่ทำ อาศัยว่าพ่อช่างสังเกต และชอบค้นคว้าเพิ่มเติมจากการอ่านหนังสือ ตอนนั้นพ่อส่งผีเสื้อและแมลงไปขายตามสถาบันการศึกษาหลายแห่งในกรุงเทพฯ สร้างรายได้ดีมาก
แม้จะมีรายได้ดี แต่พ่อก็เหนื่อยมาก ต้องนอนบนรถบัส ขี้นเหนือรอนแรมในป่า4-5 จังหวัด (ประมาณ 5 ปี) เพื่อจับแมลง และล่องใต้หาเปลือกหอย
กระทั่งในช่วงที่ภูเก็ตมีการลงทุนด้านการประมงมากขึ้น มีการทำแพปลาขนาดใหญ่ และเมื่อพ่อมีลูกคนที่สองคือ ผมในปีพศ.2519 พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนแผนชีวิต มาตั้งรกรากที่ภูเก็ต เนื่องจากมีทรัพยากรทางทะเลมหาศาล พ่อเริ่มผลิตงานจากหอยอย่างจริงจังเพียงอย่างเดียวที่กระต๊อบใกล้หาดราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
ในช่วงปลายปีพศ. 2519 ผมยังทรงจำได้ดีถึงขี้มอดที่ตกใส่หัวแม่ที่อุ้มผมอยู่ ขนเหมือนใครเอาแป้งมาสาดใส่เรา เราหัวเราะกันครืนทั้งแม่และลูก ก็ช่างพื้นบ้านที่มาช่วยพ่อสร้างกระต๊อบ
แบบสองสามวันเสร็จ เล่นเอาไม้มะพร้าวสด ๆมาสร้างให้
และต่อมา พ่อก็มีโกดังหลังแรกในซอยแหลมกาใหญ่ ติดทางเดินไปหมู่บ้านชาวทะเลที่หาดราไวย์