เมล็ดพันธุ์แห่งธรรมะ...นิทานชาดก
“เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา หลวงปู่ที่ผมเคารพนับถือ พระราชสิทธาจารย์ วิ.(หลวงปู่ทองใบ ปภสฺสโร) ประธานสงฆ์ วัดนาหลวง จ.อุดรธานี มีดำริว่าอยากให้มีหนังสือสักชุดหนึ่งสำหรับเด็ก ๆ เพื่อจะได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา เป็นเรื่องเกี่ยวกับธรรมะ...
...จากคำบอกเล่าของ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ถึงที่มาของหนังสือ ชุดนิทานชาดก ๑๐ เล่ม ๑๐ บารมี หนังสือธรรมะโฉมใหม่ ประกอบภาพลายเส้นการ์ตูนสีสวย อ่านง่าย ฟังสบาย ได้หลักธรรม...
โดยหนังสือ "ธรรมะ" นี้ดึงเนื้อหามาจากชาดกต่าง ๆ ว่าด้วยเรื่องทศชาติ ทศบารมี
"แต่เวลาที่เรานึกถึงหนังสือเผยแผ่ธรรมะในพระพุทธศาสนา ภาพจำที่พวกเราคุ้นเคยมักจะดูเป็นวิชาการ เข้าถึงยาก แต่หนังสือนิทานธรรมะเล่มนี้จะไม่เหมือนกับหนังสือเล่าเรื่องธรรมะที่เราเคยเห็นมา”
หนังสือชุดนิทานชาดกทั้ง 10 เล่มนี้ จะไม่เหมือนหนังสือธรรมะเล่มไหน ๆ เพราะให้ข้อคิดและสร้างแรงบันดาลใจแก่เด็กและเยาวชน ซึ่งอยู่ในโครงการ บารมีดีที่ตน โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จัน-ทรางศุ รับหน้าที่ประธานโครงการ จากแนวคิดว่า “ชวนคนไทยเล่าอ่านฟังชาดกรุ่นใหม่ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันชีวิต”
เด็กทุกคนชอบอ่านและฟังนิทาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนเด็กก็จะสนุกกับการฟังนิทานก่อนนอนจากพ่อแม่ ต่อให้ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน เด็กก็ยังอยากฟังนิทานพร้อมกับสร้างจินตนาการของตัวเอง เพราะนิทานเป็นสื่อที่มีผลต่อการพัฒนาการของเด็ก ทั้งการเรียนรู้คำศัพท์ กระตุ้นจินตนาการ และทำให้เกิดสมาธิระหว่างการติดตามเรื่องราว และได้แง่คิดได้ประโยชน์ที่แฝงอยู่ในนิทานเรื่องนั้น ๆ
แต่การเลือกนิทานก็สำคัญ โดยเฉพาะกับเด็กยุคดิจิทัล พวกเขาควรมีพื้นฐานความคิดที่มั่นคงและมีพุทธิปัญญาที่จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในชีวิตจริง ประธานโครงการ “บารมีดีที่ตน” เล่าถึงความเป็นมาว่า จึงเป็นที่มาของการหยิบยกเรื่องราวที่เกี่ยวกับความดีงามหรือที่พระพุทธศาสนาที่เรียกว่า “บารมี” ของพระพุทธเจ้าที่ทรงบำเพ็ญมาในอดีตชาติ ที่เล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนในรูปแบบ “นิทานชาดก” นำมาปรับโฉมเป็นหนังสือนิทานธรรมะที่อ่านง่าย ฟังสบาย ได้ข้อคิด และสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กและเยาวชน
โครงการฯ ต้องใช้เวลาถึง 2 ปี โดยเริ่มจากการหาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยย่อข้อมูลและเรื่องราว โดยได้นิมนต์พระจากวัดราชบพิตรและวัดชนะสงคราม ได้แก่ พระมหาปกรณ์ กิตติธโร ป.ธ.๙ และ พระมหาไมตรี ปุญญามรินโท ป.ธ.๙ ซึ่งพระทั้งสองรูปนี้มีความเชี่ยวชาญมากเรื่องภาษาบาลี พระธรรม วินัย พระไตรปิฏก โดยมี ดร.ชัชพล ไชยพร และศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง มาร่วมกันคิด กลั่นกรอง ปรับภาษาให้อ่านง่าย สนุก และสอดแทรกหลักธรรมในการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นพื้นฐานความคิดให้แก่เด็กรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังได้เสริมเกร็ดความรู้ท้ายเล่ม เพื่อเพิ่มความเข้าใจ และทำให้ผู้อ่านเข้าถึงประโยชน์อย่างครบรส โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการการศึกษามาร่วมดูแล
ภาพประกอบน่ารัก ๆ ที่ช่วยให้การอ่านนิทานเพลิดเพลินยิ่งขึ้น เป็นฝีมือของศิลปินวาดภาพแถวหน้าของเมืองไทย 5 ท่าน ได้แก่ ครูโต-หม่อมหลวงจิราธร จิรประวัติ, ครูปาน-สมนึก คลังนอก, แป้ง-ภัทรีดา, นวล-นวลตอง และ เพียว-โลกุตรา มาสร้างภาพประกอบนิทานในรูปแบบและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เพื่อทำให้นิทานชาดกเป็นเรื่องที่เด็ก ๆ สนใจและเข้าใจง่าย แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ การสร้างงานศิลปะยุคใหม่ที่มีเอกลักษณ์ฝากไว้ในพระพุทธศาสนา
เช่น กระต่ายบัณฑิตผู้สละทานอันยิ่งใหญ่ ภาพประกอบโดย สมนึก คลังนอก, พญาช้าง ผู้รักษาศีลด้วยชีวิต ภาพโดย เพียว โลกุตรา, เจ้าชายผู้ไม่กลัวมัจจุราช ลายเส้นจาก ม.ล.จิราธร จิรประวัติ, เสนกชาดก โดย นวลตอง ประสานทอง, ความพากเพียรของพญาวานร ลายเส้นโดย ภัทรีดา ประสานทอง เป็นต้น
ครูแป้ง – ภัทรีดา ประสานทอง หนึ่งในศิลปินวาดภาพประกอบ บอกว่า
“การได้มีส่วนร่วมในโครงการนนี้ ได้ทำในสิ่งที่ทำให้พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ต่อไป คงเป็นอะไรที่ที่สุดแล้วในชีวิต เราอาจจะบอกไม่ได้ว่า (บารมี) แต่ละข้อคืออะไร แต่การที่เราได้มีโอกาสทำหน้าที่พุทธศาสนิกชน โดยใช้ความถนัดของเราเผยแผ่ธรรมะไปสู่คนจำนวนมากมายที่จะได้อ่านหนังสือนิทานทั้ง 10 เล่มนี้ ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว”
ความพิเศษยังมีอีกที่หนังสือธรรมะทั้ง 10 เล่มนี้เป็น นิทานเสียง โดยโครงการฯ ได้เชิญนักแสดง นักร้อง ดีเจ และพิธีกร รวม 10 คน ได้แก่ ณเดชน์ คูกิมิยะ, ญาญ่า-อุรัสยา, เจมส์-จิรายุ, ต่อ-ธนภพ, ทาทา ยัง, กาละแมร์-พัชรศรี, ปาน-ธนพร, ไก่-มีสุข, ดีเจพี่อ้อย และ ตูน บอดี้สแลม มาร่วมบันทึกเสียงเล่านิทานเพื่อสนองงานพระพุทธศาสนา ทุกคนตั้งใจและเต็มใจถ่ายทอดเรื่องราวจากนิทานชาดก ออกเป็นเรื่องราวทรงคุณค่า โดยมี ครูหนิง-ผศ.พันพัสสา ธูปเทียน มาเป็นผู้กำกับการเล่านิทาน
อีกทั้งโครงการฯ ได้เชิญนักแต่งเพลง วาทยกร ผู้กำกับดนตรี และผู้จัดการวงออเคสตร้า ที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยมาช่วยกันประพันธ์ดนตรีและเสียงประกอบ เพื่อทำให้การถ่ายทอดเรื่องราวนิทานชาดกไปสู่ผู้ฟังได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งความร่วมมือร่วมใจทั้งหมดนี้เกิดขึ้น ก็เพื่อสร้างประสบการณ์ เล่า-อ่าน-ฟัง นิทานชาดก ในรูปแบบใหม่ให้เด็กไทยได้สัมผัส โดยหวังว่าหลักพระพุทธศาสนาที่สอดแทรกในเนื้อหา พร้อมกับภาพและเสียงประกอบ จะส่งต่อไปยังครอบครัวและเยาวชน เพื่อเป็นความรู้และเป็นภูมิคุ้มกันความคิดติดตัวสำหรับการเติบโตสู่วันข้างหน้า และนำไปสู่การสร้างสังคมที่ดีให้เกิดขึ้นต่อไป
ดัง “คำปรารภหลวงปู่” (พระราชสิทธาจารย์ วิ.) ที่ว่า...ซื้อปัญญาต้องซื้อด้วยการฟัง ถ้าพวกเราเล่านิทานชาดกให้เด็กฟังก็จะเกิดศาสนาขึ้นมาในใจเด็กเอง...
นักร้อง นักแสดง พิธีกร ที่มาร่วม "ลงเสียง" เล่านิทานชาดก มีอาทิ
ณเดชน์ คูกิมิยะ ผู้เล่า สสปัณฑิตชาดก (ทานบารมี) เล่าเรื่องของ กระต่ายบัณฑิต ผู้สละทานอันยิ่งใหญ่
“ถ้าเด็ก ๆ ได้ฟังนิทานชาดกไปเรื่อย ๆ ธรรมะจะปลูกฝังในจิตใจของเด็กเอง โดยที่ไม่ต้องบังคับให้เด็ก ๆ มานั่งสมาธิหรือสวดมนต์ แต่เอานิทานชาดกให้เด็ก ๆ ดูไปเรื่อย ๆ สุดท้ายพวกเขาจะจำฝังใจ นั่นคือจุดเริ่มต้นขั้นพื้นฐานในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพวกเขา”
ดีเจอ้อย- นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล ผู้เล่า อโยฆรชาดก (เนกขัมมบารมี) เรื่องของ เจ้าชายผู้ไม่กลัวมัจจุราช
“วันนี้ อยากให้ใคร ๆ ก็ตามทีที่บ่นคำเดียวกันว่า ทำไมวันนี้เด็กเลี้ยงยากจัง? มันอยู่ที่เราเอาอะไรเลี้ยงเขาต่างหาก ถ้าเราเลี้ยงเค้าด้วยอาหารกายไปแล้ว นิทานชาดกทั้งสิบจะเป็นอาหารใจที่ดี ทีจะใส่ภูมิคุ้มกันให้เขาเติบโตไป เหมือนติดอาวุธให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและรับมือได้กับทุกอย่างในชีวิต”
พัชรศรี เบญจมาศ ผู้เล่า ขันติวาทีชาดก (ขันติบารมี) เรื่องของ กุณฑลดาบส ผู้ยึดมั่นในขันติ
“ถ้าเรื่องราวเหล่านี้รู้เร็วเท่าไหร่ ก็จะทำให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตคน ๆ นั้นเร็วขึ้นเมื่อนั้น ยิ่งหนังสือชุดนี้ ไม่ได้มีเพียงหนังสือแต่ยังมีนิทานเสียง เชื่อเถิดว่าเปิดวนไป 10 เรื่อง มันจะเข้าหูเข้าหัวแน่นอน ตอนที่เค้าเป็นเด็กกำลังโต เค้าจะได้เอากลับไปคิด ไปพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้”
ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย ผู้เล่า มหากปิชาดก (วิริยบารมี) เรื่องของ ความพากเพียรของพญาวานร
“ผมเชื่อว่านิทานชาดกจะเป็นอีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์ที่จะไปหย่อนไปปลูกในตัวเด็ก ๆ ให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี อะไรก็ตามที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน ผมเชื่อว่าสุดท้ายจะถูกแก้ไขด้วยเด็ก ๆ ในวันนี้ ที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่จะสร้างบ้านสร้างเมืองของเราให้ดีขึ้นต่อไปได้”