Retrospect....หัวใจนี้เพื่อ “เสือดำ”

Retrospect....หัวใจนี้เพื่อ “เสือดำ”

ข่าวเจ้าสัวใหญ่ฆ่าเสือดำเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนใจคนไทยทั้งชาติ รวมไปถึงหัวใจของวงร็อคสุดโหด Retrospect ที่ลุกขึ้นมาจัดคอนเสิร์ตใหญ่เพื่อปลุกคนไทยให้หันมาตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติกันมากขึ้น

“ร็อคไม่มีวันตาย แต่ถ้าเสือดำตายใครจะรับผิดชอบวะ”

 คือถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากปากของ “แน็ป” นักร้องนำวง Retrospect ในงานคอนเสิร์ต G19 Fest ซึ่งจัดขึ้น ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในช่วงที่สังคมกำลังเกิดความคับแค้นใจกับเหตุการณ์เจ้าสัวใหญ่ระดับประเทศยิงเสือดำ ถลกหนัง แล้วเอาเนื้อไปทำอาหารกินในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรพอดี

            วลีเด็ดที่ขาร็อคกว่า 60,000 คน กู่ก้องร้องตะโกนขานรับในวันนั้น ตรงกับความรู้สึกในใจของคนไทยอีกนับไม่ถ้วนจนมันกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดคอนเสิร์ตใหญ่เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติที่ชื่อว่า RETROSPECT : HEART OF THE PANTHER หัวใจเสือดำ ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 เมษายนนี้ ณ LIVE PARK พระราม 9

            เรามีโอกาสบุกไปสัมภาษณ์พิเศษวง Retrospect ถึงห้องซ้อมที่พวกเขากำลังเตรียมตัวกันอย่างขะมักเขม้นเพื่องานนี้ มาฟังหนุ่ม ๆ ทั้ง 5 อันประกอบไปด้วย แน็ป (ร้องนำ) บอม (เบส) น็อต (กีตาร์) เบิร์ธ (กลอง) รัน (คีย์บอร์ด) พูดถึงที่มาที่ไปของคอนเสิร์ต ตลอดจนความรู้สึกนึกคิดที่พวกเขามีเกี่ยวกับธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และสังคมกัน

 

28167831_10155218664745404_363289914709592976_n

 

รู้สึกอะไรถึงพูดประโยคนั้นออกไป ไม่ได้เตรียมตัวไว้ก่อน เพื่อนร่วมวงก็ไม่รู้ล่วงหน้าใช่ไหม

แน็ป:     ไม่มีใครรู้ครับ ผมไม่เคยบอกใครอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นโชว์ใดก็ตาม ว่าผมจะพูดอะไร ส่วนใหญ่จะชอบเซอร์ไพรส์ให้ทุกคนมีความสุข แต่ไม่รู้ว่า (งานนี้) จะมีความสุขกันรึเปล่า (หัวเราะ)

บอม:     เราซัพพอร์ตกันอยู่แล้วครับ สิ่งที่วงเลือกทำหรือเราแต่ละคนเลือกทำ ทุกคนจะซัพพอร์ตกันเพราะทุกคนเชื่อใจกัน เราทำงาน อยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี เราทราบว่าสิ่งที่เราเลือกทำเลือกพูด หรือสิ่งที่แน็ปเลือกพูดในคอนเสิร์ต เขาคิดแล้วหละ เราก็โอเคช่วยกัน ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม เราจะไปด้วยกัน...จะโดนก็โดนไปด้วยกัน (หัวเราะ)

ความคิดที่จะจัดคอนเสิร์ตเริ่มขึ้นจากตอนไหน

แน็ป:     หลังจากนั้นวันเดียว ด้วยความที่เป็นสไตล์กวน ๆ ของผม คือวันนั้นคลิป ไม่ว่าจะเป็นช่วงเปิดตัวของ Retrospect (ในคอนเสิร์ต G19) ที่เป็น EDM มันมาก ๆ โชว์ที่สนุกมาก ๆ รวมถึงสิ่งที่ผมได้พูดก็ตามมันอยู่เต็มหน้าฟีดไปหมด เป็น topic ทั้งวันเลยครับ ก็เลยคิดขำ ๆ โพสต์ออกสาส์นท้ารบพี่นิคไปว่า (นิค  - วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้บริหารค่าย จีนี่ เรคคอร์ด ที่ Retrospect สังกัดอยู่) ฝากไปบอกพี่นิคหน่อย ถ้าอยากเห็นอะไรที่มันดุเดือดและมันกว่า G19 จัดคอนเสิร์ตใหญ่ Retrospect สิ จากนั้นเด็ก ๆ ก็แชร์กันเยอะมากครับ คือไม่ใช่แค่ตัวเราคนเดียว พลังขับเคลื่อนของแฟนเพลงเรา ซึ่งผมไม่เคยเห็นปรากฎการณ์แบบนี้มานานมากแล้ว มันเร็วมาก แล้วสาส์นนี้ก็ไปถึงพี่นิคที่ตอบกลับมาว่า

บอม:     “ก็ไม่แน่เหมือนกัน ถ้ารวบรวมคนมาได้ 4 หมื่นคนก็อาจจะเห็น Retrospect ที่ราชมังคลาก็ได้นะ” แล้วพี่นิคก็แฮชแท็กว่า #คอนเสิร์ตเพื่อเสือดำ นั่นก็เป็นที่มาว่า ไหน ๆ แล้วก็เอาเรื่องนี้มาเป็นฟังก์ชั่นหลักของคอนเสิร์ตเลย จะได้ช่วยรณรงค์เรื่องนี้ด้วย แล้ว 4 หมื่นคนก็ครบภายในไม่ถึง 22 ชั่วโมง จากที่แฟนเพลงไปสร้างกรุ๊ปขึ้นมาแล้วให้ไปลงชื่อกัน

แน็ป:     แล้วพี่นิคก็ยอมแพ้ เข้ามาคุยกัน

พอพี่นิคไฟเขียวให้จัดคอนฯ แล้วรู้สึกยังไง

แน็ป:    คือผมรู้สึกงง ๆ ยังบอกกับพวกเราเลย (บอม: อะไรวะเนี่ย) อะไรวะ แบบว่ามันงงไปหมด ไอ้ความคิดที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ ความรู้สึกนี้มันหายไปนานแล้วครับ 10 ปี

บอม:    จากคอนเสิร์ตครั้งที่แล้วคือ 2008 คอนเสิร์ต Rise Now แน็ปก็คุยกับผมบอกว่า จริง ๆ แล้วตั้งแต่คอนเสิร์ต G19 จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้พักเลยซักวันเดียว ทุกวันมันกลับมาเป็นแบบว่างานเยอะมาก ๆ แล้วก็ต้องมานั่งคิดเรื่องวางแผนคอนเสิร์ตด้วย หลายส่วนมาก ๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกงง ๆ อยู่เลย แต่ตอนนี้ก็เตรียมความพร้อมกันไปได้พอสมควรแล้ว พื้นที่จัดงานพร้อมแล้ว ฝ่ายประสานงานก็พร้อม แสงสีเสียงทุกอย่างพร้อม ส่วนตัววงก็ลิสต์เพลงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งพอเห็นก็หน้ามืดกันเลยเพราะมันเยอะมาก เยอะที่สุดเท่าที่เราเคยเล่นคอนเสิร์ตกันมาในชีวิตเลย มันเป็นตัวเลขของจำนวนเพลงที่นั่งมองกันแล้วกลืนน้ำลาย แต่ถ้าไม่ทำกันขนาดนี้ มันก็ไม่ใช่คอนเสิร์ตใหญ่สิ

ประเด็นเสือดำมันใหญ่มาก กลัวผลที่จะตามมาไหม

บอม:    แน็ปเค้าพูดกับผมหลังลงมาจากเวทีถึงสิ่งที่ใคร ๆ หลายคน รวมถึงพี่ (คนสัมภาษณ์) ถามผมอยู่ตอนนี้ว่า...เฮ้ย พี่ ความจริงก็คือความจริง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ถ้าเราพูดความจริงเราไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ก็เลยคิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ถ้าเกิดเรากลัวความจริง กลัวที่จะนำเสนอเรื่องจริงที่คนสมควรรู้ ถ้าเราใช้ชีวิตอยู่แบบนั้น ประเทศเราจะเป็นยังไง โลกจะเป็นยังไง เราจะกลัวอำนาจมืดตลอดเวลาเหรอ เราจะต้องกลัวว่าใครจะมาทำอะไรเรา จะมาเก็บเรา ใช้ชีวิตแบบนั้นมันไม่ถูก เราต้องพูดในสิ่งที่เราต้องพูดเมื่อสมควรพูด การทำเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ แต่ว่าถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ

 แน็ป: จริง ๆ ส่วนตัวผมไม่ได้ต้องการที่จะมาเป็นผู้นำท้ารบหรือว่าอะไรทั้งสิ้น ผมเชื่อว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้มีอยู่จำนวนมาก ไม่ใช่แค่ศิลปิน ผมเพียงแค่ได้มีโอกาสถือไมค์อยู่กับคน 65,000 คน แล้วก็พูดทีเดียวแค่นั้นเองมันเลยกลายเป็นเรื่องนี้ ผมก็แค่คน ๆ หนึ่งที่ต้องการออกความคิดเห็น

น็อต:    น่าแปลกใจนะครับที่คนที่มีอำนาจหรือเงินทองขนาดนั้นเขาสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้แต่เขากลับเลือกที่จะทำลายมัน ผมว่าถ้าเขามีเงินขนาดนั้นแล้วเอาเงินไปลงทุนพัฒนาวิจัยเพื่อฟื้นชีวิตของสัตว์ป่าเหล่านั้นขึ้นมาผมว่า โห พรึ่บพรั่บเลยครับ เป็นสวนสัตว์สบายแจ๋วเลยครับ แต่ทำไม่ไม่ทำ เลือกไปไล่ฆ่าสัตว์

แต่ละคนรู้สึกกับข่าวฆ่าเสือดำยังไงบ้าง

เบิร์ธ:   ถ้าเป็นส่วนตัวของผมเองนะครับ หลังจากแน็ปลั่นไกคำนั้นไปผมรู้สึกว่า เฮ้ย แม่งคือเรารู้สึกยังงี้อยู่แล้ว เราไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว ตอนนั้นเรายังไม่รู้หรอกว่าผลจะเป็นไง แต่ผมรู้สึกว่า เฮ้ย แม่งจริง แม่งใช่ คือทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องเสือดำอย่างเดียว แต่เรื่องอะไรที่มันไม่เวิร์คในสังคม คนก็ได้แค่ออกความคิดเห็นในเฟซ ด่ากันไปกันมา ผมว่าควรจะมีใครลุกขึ้นมาทำอะไร แต่เราไม่ได้กะว่าเราจะลุกขึ้นมา แต่ในเมื่อตอนนี้เรามีโอกาสแล้วก็อยากจะทำให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่ถูกมันเป็นยังไง ผมว่าทุกคนคิดเหมือนเราหมด นอกจากคนที่มีรสนิยมแปลก ๆ เฮ้ย ไปว่าเขาทำไมเนี่ยโลกสวย อ้าว แล้วถ้าโลกสวย ๆ ไม่ชอบอยู่กันจะให้อยู่ในนรกยังงี้เหรอ (ประโยคนี้ของเบิร์ธเล่นเอาฮาลั่นกันทั้งวง) ผมว่าเราก็ควรจะมาทำให้โลกมันสวย มันน่าอยู่ขึ้น ไหน ๆ เราก็มีโอกาสนี้แล้วก็จะจัดให้

รัน:       ช่วงนี้ดูนี่อยู่ครับ ราคาฟิล์มกันกระสุน (ฮาแตก ...กันอีกยก) ว่าติดกี่บาท

 

รูปคอนเสิร์ตหัวใจเสือดำ 1

 

รู้สึกยังไงกับคำว่า “โหนกระแส”

บอม:   ไอ้คำว่าโหนกระแสเนี่ย คนเราจะพูดอะไรก็ได้อยู่หน้าจอคอมฯ มีคีย์บอร์ดอยู่กับตัว ไม่เห็นหน้าเห็นตาด้วย อยากพูดอะไรก็พูด แต่ก็เพราะมันเป็นยังงั้นไง เขาพูดแล้วเขาไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ใครจะพูดว่าเราโหนกระแสหรืออะไรก็ตาม เราขอไม่ออกมาอธิบายตัวเองตรงนี้แล้วกันเพราะเรารู้ตัวเองกันดีอยู่ว่าเราทำอะไรกันอยู่ แต่อย่างน้อยที่สำคัญที่สุดก็คือ เราเป็นคนที่ออกมาลงมือทำ ได้ทำอะไรให้มันเปลี่ยนแปลงไป ถ้าเกิดโหนกระแสแล้วเราต้องมานั่งเหนื่อยกันแบบนี้จริง ๆ เหรอ คือทุกวันนี้งานที่มีอยู่ก็เพียงพอที่จะใช้ชีวิตกันอย่างสบาย ๆ แล้ว ไม่จำเป็นจะต้องเอาตัวเองไปหิ้วกับกระแสไหน

จะจัดคอนเสิร์ตใหญ่ก็จัดได้ไม่ต้องโหนเสือดำเนอะ

แน็ป:    เสี่ยงด้วย

บอม:    ไม่ต้องซื้อฟิล์มกันกระสุน

แน็ป:    คุณไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เราทำมันน่ากลัวขนาดไหน มันไม่ใช่จบแค่นี้ ถ้ามันไม่ดีมันจะมีอะไรที่ตามหลังเรามาอีกเยอะมาก ฉะนั้น ได้โปรดจงเข้าใจเถอะครับว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ เราต้องการให้สังคมเปลี่ยนแปลง มีโอกาสได้ทำแล้วจงทำ และทำมันออกมาให้ดีที่สุด

บอม:    สิ่งที่เราทำไม่ได้เพื่อแค่เสือดำตัวเดียว ชีวิตของเสือดำเราเอาคืนมาไม่ได้ แล้วก็ไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อให้ใครซักคนโดนจับเข้าคุกเข้าตารางมารับโทษด้วยซ้ำ แต่มันเป็นการทำให้คนตระหนักถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกในบ้านของเราว่า บางทีอะไรที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ชีวิตหนึ่งชีวิต จริง ๆ มันมีอะไรมากกว่านั้น ยิ่งโดยเฉพาะชีวิตของสัตว์สงวน สัตว์อนุรักษ์ที่ไม่ใช่สัตว์เศรษฐกิจ มันทำให้ระบบนิเวศน์เสียสมดุล ผลกระทบที่มีไม่ใช่แค่ว่าสัตว์ตัวนี้จะสูญพันธุ์ไปอย่างเดียว แต่มันจะเกิดเป็นลูกโซ่ที่พาให้สัตว์ตัวอื่นสูญพันธุ์ ทำให้ป่าไม้สมดุลพังทลาย สุดท้ายมลพิษมลภาวะอะไรเยอะไปหมด เป็นเรื่องที่เราถูกสอนกันมาแต่เด็ก เราต้องรักป่ารักสัตว์ แต่เราอาจจะลืมไปแล้วว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิดเยอะมาก การที่เสือดำตัวนี้ตายไป ผมอยากให้เป็นจุดที่ปลุกคนให้ตื่นขึ้นมารู้ว่าเราต้องลงมือทำอะไรซักอย่างแล้ว

น็อต:    พวกเราเป็นคนที่ชอบดูสารคดี เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของโลกมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเห็นและตระหนักถึงมาตลอด แค่ยังไม่มีโอกาสได้พูดแค่นั้นเอง ที่บอกว่าพวกเราโหนกระแสเรียกว่ามันเป็นจังหวะที่พอดีที่เราได้พูดเรื่องนั้นดีกว่าครับ ก็เลยรู้สึกว่า โอเค จังหวะเนี้ยแหละ มีโอกาสได้พูดสิ่งที่พวกเรารู้สึกจริง ๆ แล้ว และได้พูดมาจากใจจริง ๆ กับเหตุการณ์ที่มันกำลังส่งผลกระทบต่อจิตใจผู้คน แล้วก็ให้มันส่งต่อไปยังคนรุ่นต่อ ๆ ไปว่า ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ ชีวิตเราก็ดำรงต่อไปไม่ได้

 

28055936_10156109592199814_6661941415113097314_n

 

ชื่อคอนเสิร์ต “Heart of the Panther หัวใจเสือดำ” หมายถึงอะไร

บอม:     เราลองเอาใจตัวเองไปคิดดูว่าถ้าเกิดเราเป็นเสือตัวนั้น ไม่รู้เลยว่าถ้าเกิดเรากำลังเดินกลับบ้าน เดินไปไหนมาไหน กินปลามาอิ่มจังเลย ตู้ม...ตาย คือ เราคิดถึงใจเขาใจเรา แบบ...ชีวิตเรา กำลังนั่งรถกลับบ้านแล้วจู่ ๆ ก็มีใครมายิงหัวเราตายก็ไม่รู้

มันรวมไปถึงคำว่า “หัวใจเสือดำ” ถ้าดูในโปสเตอร์คอนเสิร์ตจะมี “ไม้โท” แอบอยู่บาง ๆ เป็น “หัวใจเสื้อดำ” คือคำว่าเสื้อดำเนี่ย ถ้าเป็นวัยรุ่นที่ร็อคหน่อยก็จะเข้าใจดีว่าเสื้อดำเป็นตัวแทนของชาวร็อค ไม่ใช่แค่วงเรา แต่หมายถึงแฟน ๆ ทั้งหมดด้วย มันคือสิ่งที่หัวใจ “เสื้อดำ” มีต่อ “เสือดำ”

จะมีการแต่งเพลงพิเศษเกี่ยวกับเสือดำด้วยใช่ไหม

 แน็ป:  เพลงนี้จะปล่อยออกมาให้ฟังกันก่อนคอนเสิร์ตเพราะเป็นเหมือนธีมหลักของงานเลย เนื้อหาก็จะพูดถึงตรงนี้แหละครับ คือผมอยากให้ความรู้สึกทุกคนเข้าไปอยู่ในหัวใจของเสือดำจริง ๆ ว่าการที่อยู่ดี ๆ โดนยิง เลือดไหลริน ความรู้สึกเจ็บปวด มันเจ็บปวดแค่ไหน แล้วก็ คำถามสุดท้ายที่มันกระชากเข้ามาคือ คนที่ทำจะต้องรับใช้ ชดใช้กรรม คุณจะต้องรับกรรม ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่วันนี้ก็วันหน้า

ฟีดแบ็กสุดประทับใจที่ได้รับกลับมาจากเรื่องเสือดำ

แน็ป:     หลังจากตรงนั้น คนที่ไม่คาดคิดว่าจะโทรมาหาผมก็โทรมา อย่าง โอม ค็อกเทล เขาซัพพอร์ตเต็มที่ “พี่ผมแม่งโคตรสะใจเลย” เป็นคำที่ออกมาจากปากหน้ากากหอยนางรมอ่ะ นึกออกป่าวครับ แล้วเขาพยายามพูดทุกสิ่งทุกอย่างให้กำลังใจเรา ก็ไม่คิดว่าโอมจะแบบว่า หัวใจเสือดำได้ขนาดนี้ เต็มที่มากแล้วก็มีอะไรให้ผมช่วยก็บอก เป็นความรู้สึกดี ๆ ตรงนั้นมากกว่า

บอม:     ข้อความจากแฟนเพลง แฟนเพลงหลายคนที่เราได้รู้จักมาสิบกว่าปีแล้วตั้งแต่เราเริ่มทำงาน หลายคนกลับมาหา กลับมาแบบว่า...ที่จริงคอยมองอยู่ตลอดนะ คอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งรู้สึกดีใจมากที่จะได้กลับมาเจอครอบครัวกันอีกครั้ง คือพวกเราจะมีแฟนคลับที่เรียกว่า “เรทโทรเลี่ยน” พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวของพวกเรา เขาดีใจที่จะได้กลับมาเจอกัน เขาดีใจที่จะมีคอนเสิร์ต เขาดีใจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งนี้ที่เรากำลังพยายามต่อสู้กันอยู่ มันมีการให้กำลังใจกันที่สม่ำเสมอมาก ทุก ๆ วันจะมีข้อความดี ๆ จากแฟนเพลง ความรู้สึกดี ๆ ที่เขาพิมพ์ออกมา....พี่รู้ไหมว่า เพลงของพี่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้นะ ผมเคยคิดจะฆ่าตัวตายแต่มีเพลงพี่ช่วย...ข้อความพวกนี้มันหลั่งไหลมาทุกวันเรื่อย ๆ ทำให้เรามีพลังมาก ๆ

น็อต:     กิจกรรมครั้งนี้มันพิเศษมาก ๆ จริง ๆ ครับ เพราะว่าหลาย ๆ คนหลาย ๆ ส่วนที่เราอาจจะไม่เคยรู้จักไม่เคยพบเจอกันเลย หยิบยื่นมือเข้ามาว่า อยากช่วยตรงนี้นะ พอจะเข้าไปช่วยทำตรงไหนได้ไหม เราก็รู้สึกขอบคุณพวกเขามาก ๆ ครับ เพราะแปลว่ามันสำเร็จในส่วนหนึ่งแล้วว่า สิ่งที่เราพยายามจะพูดพยายามจะบอกกับสังคม (บอม: ได้ยินไปถึง) ได้ยินไปถึงผู้คนอย่างทั่วถึงจริง ๆ ก็อยากขอบคุณพวกเขาครับ

เบิร์ธ:    อันดับแรกเลยนะครับ ขอขอบคุณแฟนเพลงตั้งแต่ Retrospect เกิดขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ที่เชื่อในตัวพวกเราทุกคนมาตลอด และให้โอกาสพวกเรามาตลอด ยังเหมือนเดิมเหนียวแน่นเสมอก็ขอขอบคุณมาก ๆ ครับผม ในเมื่อเชื่อในตัวเราแล้วก็ เหมือนเดิม เราก็ยังคงจะจัดเต็มให้เหมือนเดิมในคอนเสิร์ตครั้งนี้เราก็เต็มที่เพราะเปรียบเทียบเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของพวกเราทุกคน ในงานนี้จะมีแฟนเพลงกลุ่มใหม่ ๆ ด้วยซึ่งเป็นกลุ่มหัวใจเสือดำจริง ๆ แล้วก็พวกที่เราตกมาจากงาน G19 ตามพวกเรามาพอสมควรก็อยากให้มาร่วมสนุกกัน คุณอาจจะเปิดใจให้ Retrospect แล้วหลงรัก Retrospect ก็ได้

ตอน G19 เล่นไปกี่เพลง

บอม:     5 เพลง แต่คอนเสิร์ตเสือดำนี่คูณไปอีก 10 เท่า (พอพูดประโยคนี้จบ บอม ก็ร้องโอ๊ยยย กันเลยทีเดียว)

รัน:       ฝากทุกคนที่กำลังจะมานะครับ ไม่ใช่แค่พวกเราที่เตรียมตัวครับ ให้พวกคุณเตรียมตัวด้วยเหมือนกัน เตรียมร่างกายเอาไว้ ที่สำคัญ

บอม:     เตรียมฟิล์มกันกระสุน (พูดจบก็ฮากันใหญ่)

รัน:       เตรียมร่างกายไว้ครับ ดูแลตัวเองให้พร้อม ดูแลสุขภาพไว้ให้ดี อย่าให้ป่วยนะ    

                                                            .......................................

28056799_10156108931849814_8628328781001952451_n

คอนเสิร์ต RETROSPECT : HEART OF THE PANTHER หัวใจเสือดำ จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 เมษายนนี้ ณ LIVE PARK พระราม 9 โดยรายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายจะมอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

            เปิดจำหน่ายบัตรวันแรก 1 มีนาคม เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ทาง www.eventpop.me ซึ่งจะขายในราคา 800 บาท (จากราคาปกติ 1,300 บาท) เฉพาะวันนี้วันเดียว ส่วนวันที่ 2-31 มีนาคม จะลดเหลือ 1,000 บาท และวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป จะขายราคาปรกติ 1,300 บาท สามารถซื้อบัตรได้สูงสุดครั้งละ 6 ใบ บัตรทุกใบเป็นบัตรยืนแบบ Festival ไม่จำกัดอายุผู้เข้างาน มีการแบ่ง Lady Zone และมีวีลแชร์คอยให้บริการ