“เพราะผมไม่มั่นคงทางจิตใจ” Backpacker Ball มอเตอร์ไซค์แม่บ้าน และการเรียนรู้ชีวิตผ่านการท่องเที่ยว

“เพราะผมไม่มั่นคงทางจิตใจ” Backpacker Ball มอเตอร์ไซค์แม่บ้าน และการเรียนรู้ชีวิตผ่านการท่องเที่ยว

บอล แบคแพคเกอร์ผู้ท่องทั่วไทยด้วยมอเตอร์ไซค์แม่บ้าน เขาไม่ใช่แค่คนกล้าลุย แต่ชีวิตของเขาผ่านความกล้าในการก้าวข้ามความล้มเหลวมาหลายครั้ง

บ่อยครั้งฉันพูดว่าการเดินทางนั้นเป็นวิธีค้นหาตัวเองอีกวิธีหนึ่ง บางคนออกเดินทางแล้วแต่ยังค้นหาชีวิตไม่เจอ และบางคนซึ่งกล้าก้าวข้ามโซนปลอดภัย ออกไปเผชิญโลกกว้างค้นหาชิ้นส่วนที่ตกหล่น จนเรียกคืนชีวิตที่สมบูรณ์กลับมาได้อีกครั้ง

เพราะผมไม่มั่นคงทางด้านจิตใจ

ฉันอ่านเจอประโยคหนึ่งที่ บอล - นเรศร นันทสุทธิวารี เจ้าของเพจซึ่งเฟี้ยวด้วยการใช้มอเตอร์ไซค์แม่บ้านขี่ตระเวนเที่ยวไปทั่วประเทศไทย เขียนอธิบายใต้ภาพว่า "เพราะผมไม่มั่นคงทางด้านจิตใจจึงไม่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านสังคมและความรัก" ประโยคนี้ทำความคิดคำนึงของฉันสะดุด ก่อนที่ภาพอดีตในชีวิตจะผุดขึ้นมา...

หรือที่ผ่านมาฉันนั้นก็ไม่มั่นคงทางด้านจิตใจเหมือนกัน...

20180204165433360

แวบแรกที่ได้เจอกับบอล เขาดูเป็นคนหนุ่มผู้มีออร่าแห่งความสุขรายล้อม เขากลายเป็นคนที่ปลดปล่อยฉันออกจากภวังค์ความคิดที่แก้ไม่ตกนั้น

"การเดินทางทั่วประเทศไทยมันมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่อดีตเลย ไม่ใช่แค่อยู่ๆ นึกอยากไปเที่ยวก็ไปเที่ยว มันมีกระบวนการตกผลึกถึง 30 ปี ซึ่งแรกเริ่มพี่ก็เป็นเหมือนคนทั่วๆ ไป อาจจะติดลบกว่าคนทั่วไปซะด้วยซ้ำ เริ่มต้นก็เป็นเด็กดี เด็กเรียบร้อย แต่ด้วยตัวเราเอง ไม่ค่อยมั่นคงทางด้านจิตใจ พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงดูเราก็เลยเอาข้ออ้างนี้มาเป็นเด็กขาดความอบอุ่น ไปคบเพื่อนที่เสพยา แล้วก็พัฒนาไปเป็นผู้ขาย พ่อแม่ก็พยายามเข็นเราให้กลับมาในทางเดิม แต่ความดื้อของเรา คิดว่าตัวเองเก่งไม่ง้อไม่สนใจใครทั้งนั้น สุดท้ายผู้ใหญ่เอาไม่อยู่ พ่อแม่ก็เลยตัดหางปล่อยวัดทิ้งเลยตั้งแต่ตอน 17"

อีสาน1328

ชีวิตหลังอายุ 17 ของบอลเข้าสูตรเด็กผู้ชายผู้ต้องการเอาชนะโชคชะตา เขาตัดสินใจไม่เรียนต่อ ย้ายไปอยู่ภูเก็ตและทำงานสารพัด เพื่อประกาศกร้าวต่อสังคมว่าเขาสามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง

"พยายามสู้คนเดียวมาตลอด จนเรารู้คุณค่าของเงิน ก็เลยเลิกยา ติดต่อพ่อแม่ แต่ตอนนั้นท่านอยากให้เราเรียนรู้ชีวิตเพราะว่าท่านเจ็บมากับเราก็เยอะ เลยไม่ได้รับการติดต่อ ก็ต้องดิ้นรนสู้ด้วยตัวเองต่อไป จนสุดท้ายกลับมาอยู่กรุงเทพ มาเรียนใหม่ จบ ปวส. ก็ทำงานโน่นนี่ แต่ด้วยความที่เราดิ้นรนเองตั้งแต่เด็ก ทำให้เราเป็นเด็กที่อีโก้จัด ก้าวร้าว ชอบเถียง แล้วก็มั่นใจว่าตัวเองเป็นใหญ่

พี่ประสบความล้มเหลวมาตลอดชีวิต มันจะเสียหายอะไรกับแค่ 1 ปี ที่จะขอออกไปทำอะไรสุดๆ สักครั้ง

"ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างกับคนทั่วไปหลายๆ คนในสังคม ซึ่งคุณก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน เหมือนหมาเกาไม่ถูกที่แล้วคุณก็โบ้ยสังคม โบ้ยคนโน้น โบ้ยคนนี้ โบ้ยพ่อแม่ โบ้ยเพื่อน โบ้ยหัวหน้า แล้วสุดท้ายคุณก็ย้าย คุณก็ไม่เกิดการพัฒนา อายุ 29 พี่มีความทะเยอทะยาน อยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากรวย อยากมีชื่อเสียง อยากให้ทุกคนยอมรับ ในเมื่อเป็นลูกจ้างมันไม่สำเร็จ ลาออกไปขายของก็ได้อยู่แล้ว มีบัตรยูเมะพลัสอยู่ วงเงิน 150,000 ไปกดมาซื้อมอเตอร์ไซด์คันที่พี่ขี่ไปทั่วเมืองไทยนี่แหละ ตอนนั้นอายุ 29 เข้า 30 ขี่ลงใต้ไปขายของ เราคิดเรื่องเงินเป็นอันดับแรก แต่เราก็ยังเอาตัวตนเดิม อีโก้เดิมเข้าไปใส่เป็นตัวเราอยู่ดี กลายเป็นปัญหารุมเร้าจากกำไรกลายเป็นหนี้สิน สุดท้ายก็เจ๊งครับ"

เมื่อจนซึ่งหนทางทุกอย่าง เขาจึงกลับกรุงเทพฯ มาอยู่กับพ่อ เริ่มคุยกับแม่ด้วยความสุข และเริ่มมองครอบครัวในทางที่ดีขึ้นอีกครั้ง ฟ้าใหม่ของชีวิตกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ปัญหาแก้ได้ด้วยทัศนคติที่เปลี่ยนแปลง

"เมื่อพี่อยู่บ้านได้ คุยกับพ่อแม่ได้ นั่นคือจุดเปลี่ยน ทัศนคติของเราเปลี่ยนไป ชีวิตนี้ไม่เอาอะไรอีกแล้ว ขอหมดหนี้ ไม่ขอแก่งแย่งชิงดีกับใครอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าเดินทางนะ ทีนี้เลยย้อนคิดว่าแท้จริงแล้วเราอยากทำงานประเภทไหน ก่อนหน้านี้คิดเรื่องเงินเป็นหลัก ทำยังไงให้รวย ทำยังไงให้ก้าวหน้า แต่ท้ายที่สุดเงินเดือน 12,900 ติดหนี้มาอีกต่างหาก

“ณ ตอนนั้นอายุประมาณเกือบ 32 แล้ว โฟกัสใหม่ พี่เรียนปวช.ช่างก่อสร้าง ปวส.เรียนการท่องเที่ยว จบปริญญาตรีด้านการตลาด คนละสายเลย นี่แหละคือความไม่มั่นคงของจิตใจ เราไม่รู้จักตัวเอง แต่ขณะที่เรียนการท่องเที่ยว ก็ทำให้เราอยากเที่ยว อยากเห็นโลกให้กว้างขึ้น เลยไปทำงานบริษัททัวร์ดีกว่า ไปเป็นพนักงานพิมพ์เอกสาร ได้เห็นที่เที่ยวผ่านแผ่นกระดาษ ผ่านจอคอมพิวเตอร์ มันยิ่งตอกย้ำว่าเนี่ยแหละน่าสนุก"

1 (378)

เขาบอกกับคนในออฟฟิศว่าอยากจะเที่ยวแต่ไม่เคยได้ไปสักที สุดท้ายเพื่อนร่วมบริษัทซื้อตั๋วเครื่องบินให้เขาไปเที่ยวเวียดนาม ถือเป็นการติดปีกให้หัวใจโบยบินไปสู่จุดเปลี่ยนแห่งชีวิตครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา..

น่าเสียดายมากๆ ที่หลายคนสร้างกำแพงจนกลัวเกินกว่าที่จะไปสัมผัสอีกวิถีชีวิตหนึ่งที่มันน่าสนใจ

"หลังจากทริปเวียดนาม 1 ปี 2 เดือน พี่เดินทางไป 17 ประเทศ ด้วยเงินเดือนเริ่มต้นที่ 14,000 พี่พูดภาษาอังกฤษได้ภายใน 6 เดือน เราเรียนจากเราอยากพูด ไม่ใช่เพราะอยากได้เกรด เวลาเราเรียนจากหัวใจมันไวมาก พี่เชื่อว่าสมองมันสร้างขึ้นมาเพื่อกักเราไว้หลายๆ เรื่อง ฉะนั้นพี่เลือกฟังตามหัวใจ อย่างพี่ประสบความล้มเหลวมาตลอดชีวิต มันจะเสียหายอะไรกับแค่ 1 ปี ที่จะขอออกไปทำอะไรสุดๆ สักครั้ง ชีวิตไม่มีใครผิด ไม่มีใครถูก บรรทัดฐานมันอยู่ที่ตัวเรา ฉะนั้น 1 ปี ที่พี่วิ่งหนีเงินวิ่งหนีความมั่นคงทางชีวิต พี่ได้ไปออกไปเห็นในสิ่งที่เราไม่เคยได้มาก่อนฉะนั้นพี่มองว่าคุ้ม นั่นคือที่มาที่ไปว่าทำไมถึงได้กล้าลาออกไปเดินทาง"

เรียนรู้ชีวิตผ่านการท่องเที่ยว

หลังจากที่บอลเริ่มชีวิตอีกครั้งด้วยการมุมมองใหม่ เลิกทำงานเพื่อหวังถึงชื่อเสียงเงินทอง แต่เลือกที่จะทำงานอย่างที่ใจต้องการและมีความสุข พร้อมปลดหนี้กว่าแสนบาทจากการขาดทุนในอดีตได้จนหมด

บอลเริ่มมองเดินตามรอยความฝันที่เขาปรารถนาให้ได้เสียที และตัดสินใจลาออกจากงาน ในมือกำเงินเก็บก้อนสุดท้าย 30,000 บาท มั่นใจว่าเงินก้อนนี้จะพาเขาไปได้ไกล แต่หัวใจล่ะจะพาเขาไปไกลได้แค่ไหน เพจ บอลพาเที่ยว Backpacker Ball จึงถือกำเนิดมาเพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวเอง ก่อนจะกลายเป็นแหล่งชุมนุมของคนที่มีใจแบบเดียวกันในเวลาต่อมา

b (536)

"การเที่ยวของพี่ คือการเดินทางเพื่อเรียนรู้ชีวิต เราเดินทางแบบเรียบง่าย การเดินทางก่อนหน้านี้มันสอนเราไง มันสอนเราให้ทำงานนานๆ 4 ปี ได้เงินเยอะ ได้งาน ได้ภาษาอังกฤษ เรามั่นคงอยู่กับการเดินทาง มีอะไรดีๆ เข้ามาเยอะ ซึ่งไม่ได้คาดหวังด้วย แล้วเราได้พบเจอ ได้พูดคุยกับผู้คนหลายแบบจากการเดินทาง เราได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น กล้าการันตีได้เลยว่าทุกคนกล้าเดินทางคนเดียว หิ้วเป้ไปแล้วอยู่คนเดียว อยู่กับตัวเองนั่นแหละครับคือการเริ่มเรียนรู้ชีวิต อันนี้คือส่วนตัวของพี่นะ แต่คุณไม่มีทางได้เรียนรู้ตัวเองหรอก ถ้าหากคุณไม่เจอจุดเปลี่ยน"

1 (43)

เมื่อถามว่าได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง บอลเริ่มที่ทัศนคติของเขาซึ่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คิดบวกมากขึ้น เขามองเห็นคลื่นสังคมที่มีขึ้นมีลง หลักการเดียวกับพุทธศาสนา อย่าไปยึดติด แค่เรารู้ตัวว่าเราอยู่ตรงไหน ณ ขณะนั้นก็พอ

อีกเรื่องที่ชีวิตของบอลได้รับจากการท่องเที่ยว คือการได้สัมผัสว่าสังคมไทยยังน่ารักอยู่

"พี่ได้เจอความมีน้ำใจของชาวบ้านคนไทย เราอยู่ในเมืองเรากลัวกันไว้ก่อน แต่พอไปต่างจังหวัดเราเจอน้ำใจ และบังเอิญหนึ่งนั้นดันเป็นคนกรุงเทพที่ไปต่างจังหวัด ทำให้เราเข้าใจว่าแท้ที่จริงคนกรุงเทพก็มีน้ำใจ แต่ด้วยสังคมมันครอบไว้ คนจึงต้องหวาดระแวงไว้ก่อน แต่คนไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติหัวใจมันเปิด

อีสาน0038

และอีกอันที่ประทับใจซึ่งพี่จะพูดทุกครั้งเลย คือ เรื่องของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จริงๆ ช่วงไปสามจังหวัดพี่ไม่กล้าจะอัพเดทเรียลไทม์เลยนะ แต่พอไปปุ๊บได้รับน้ำใจ แล้วเราได้ก้าวข้ามความกลัวไปเจอกับมิตรภาพที่มันอยู่เบื้องหลัง เราก็เลยประทับใจถ้าเราเอาแต่กลัวกับทัศนคติที่เราไม่รู้จักที่เราฟังจากข่าว จากเพื่อน แล้วมาสร้างกำแพงปิดกั้นไม่ให้เราไป สุดท้ายเราจะไม่ได้ไปเจอความน่ารักอีกมุมหนึ่งของพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งน่าเสียดายมากๆ ที่หลายคนสร้างกำแพงจนกลัวเกินกว่าที่จะไปสัมผัสอีกวิถีชีวิตหนึ่งที่มันน่าสนใจ"

ฉันใช้เวลาพูดคุยกับบอลไม่ถึงชั่วโมง แต่บทสนทนาของเราไม่มีช่องไฟให้หายใจ และประโยคบอกเล่าของเขาหลาย ๆ ประโยค ก็เปิดประตูใจของฉันนับครั้งไม่ถ้วน เสมือนได้นั่งคุยกับเพื่อนผู้รู้ใจเราซึ่งที่พลัดพรากจากกันไปแสนนาน..