กองทุนไทยลงทุน ‘AT1’ ยันมูลค่าไม่เกิน500ล้าน ย้ำกระทบน้อย

กองทุนไทยลงทุน ‘AT1’ ยันมูลค่าไม่เกิน500ล้าน ย้ำกระทบน้อย

“พริมโก้” เปิดสัดส่วนลงทุน“AT1”ของเครดิตสวิส ไม่ถึง 1% “ผู้จัดการกองทุน” ชี้ กองทุนไทยมีลงทุนผ่านกองทุนหลักต่างประเทศไม่เกิน 500 ล้านบาท ย้ำกระทบน้อย

รายงานข้อมูลจาก PIMCO Global Investment Series Plc  มีการลงทุนในกองทุนรวมหน่วยลงทุน(Fund of Funds)และลงทุนในตราสารหนี้เครดิตสวิส พบว่า มีราว 16 กองทุนที่มีการลงทุนในหุ้นกู้เครดิสสวิส AT 1  ซึ่ง15 กองทุน มีสัดส่วนลงทุนเฉลี่ยไม่เกิน 1%  น้อยที่สุด 0.01 % และมากที่สุด 0.47%  ขณะที่มีเพียง 1 กองทุนเท่านั้นที่มีสัดส่วนลงทุนเฉลี่ยเกิน 1% คือ GIS Capital Securities Fund  มีสัดส่วนลงทุน 3.42%  

สำหรับ ‘กองทุนไทย’ มีการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ  ผ่านกองทุนหลักต่างประเทศ (มาสเตอร์ฟันด์) ที่มีการถือหุ้นกู้ของธนาคารเครดิตสวิส AT1 และถูก Wipe out นั้น  จากการสอบถามนักกลยุทธ์การลงทุนและผู้จัดกองทุนหลายแห่ง ต่างระบุว่า หากประเมินภายใต้ข้อมูล PIMCO Global Investment Series Plc คาดว่า กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ มีเม็ดเงินลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศที่เป็นหุ้นกู้เครดิต สวิส AT 1 ไม่น่าเกิน 500 ล้านบาท  เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนตราสารหนี้ทั้งระบบ 1 ล้านล้านบาท   

นายพิชัย ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย พบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดตราสารหนี้ต่างประเทศมีแรงขายออกมาจากภาวะ Panic sell ซึ่งราคาได้สะท้อนไปใน NAV ที่ปรับลดลงมาแล้ว  และราคาล่าสุดพบว่า ได้มีการปรับตัวขึ้น(รีบาวนด์)มาแล้ว  สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดเริ่มกลับมาแล้ว 

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทย มองว่า  ถ้าไม่มีธนาคารอื่นล้ม เพิ่มเติม ราคาตราสารหนี้ AT1 และ High yield bond จะปรับขึ้นมาเข้าสู่ภาวะปกติ แต่อาจจะมีส่วนลดจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น  และประเด็นดังกล่าวมีผลกระทบน้อย  เพราะจากการวิเคราะห์ กองทุนของ PIMCO ที่มีสัดส่วนการลงทุนหุ้นกู้เครดิตสวิสAT1 มากสุดที่ 3.24% จากพอร์ตกองทุนนี้ มีสัดส่วนลงทุนตราสารหนี้เครดิตสวิสทั้งหมด 3.87%  

ดังนั้นผลกระทบต่อกองทุนไทยเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ที่มีความเกี่ยวข้องหุ้นกู้เครดิตสวิส AT1  ได้รับผลกระทบเพียง NAV ที่ลดลง น่าจะรับข่าวไปแล้ว หากเป็นนักลงทุนระยะยาว แนะนำว่า นักลงทุนยังสามารถถือต่อไปได้ 

 

  

    

         

ขณะเดียวกัน ในส่วนของแบงก์ไทยมีตราสารหนี้ CoCos  (Contingent  Convertible Bonds) สัดส่วนน้อย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% อีกทั้งมีเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET1) อยู่ในระดับสูงที่ 16.68% เทียบขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่ 8.0% ไม่จำเป็นต้องพึ่งการออกตราสารหนี้ CoCos แต่อย่างใด

 นายธนิก ธนาวิศิษฏ์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Market ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า  กรณีหุ้นกู้เครดิตสวิส AT 1 ที่เกิดขึ้นเท่าที่ติดตามสถานการณ์ แทบไม่มีผลกระทบต่อตลาดในไทย  หากมีกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ที่ลงทุนแต่ก็ไม่ได้เป็นการลงทุนโดยตรง และคาดว่าไม่น่าจะมีสัดส่วนที่มากจนน่ากังวล