จ่อเชือดปั่นหุ้น MORE หนุนยืดเวลาอายัดทรัพย์สิน

จ่อเชือดปั่นหุ้น MORE  หนุนยืดเวลาอายัดทรัพย์สิน

จ่อเชือดผู้“ปั่นหุ้น” มอร์ รีเทิร์น ส่งผลขยายเวลาอายัดหุ้นได้ จากครบกำหนด18 ก.พ. แจง ขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ด้านโบรกเกอร์ ชี้ เตรียมยื่นฟ้องศาลหากไม่ขยายเวลาอายัด

กรณีการซื้อขายหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE นับว่าเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทยที่ผู้ซื้อหุ้นไม่สามารถชำระราคาค่าซื้อได้ หลังส่งคำสั่งซื้อหุ้นรวมกว่า 1,500 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 4.4 พันล้านบาท จนทำให้โบรกเกอร์ฝั่งผู้ที่ส่งคำสั่งซื้อหุ้นต้องควักเงินชำระค่าซื้อแทน 

ปัจจุบันคดีความดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโดย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ซึ่งที่ผ่านมา ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดหุ้น MORE จำนวน 34 รายการ มูลค่า 5.37 พันล้านบาท มีกำหนดอายัดไม่เกิน 90 วัน นับจากวันที่ 21 พ.ย.2565 ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่18 ก.พ.2566

พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจ ว่า คดีนี้มีความคืบหน้าพอสมควร ซึ่งทาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการเดินทางมากล่าวโทษการสร้างราคาหุ้น(ปั่นหุ้น) MORE ต่อตำรวจสอบสวนกลาง

ทั้งนี้เมื่อ มีการกล่าวโทษกรณีสร้างราคาหุ้นก็ถือเป็นความผิดมูลฐานเพิ่มเติม ที่ตำรวจต้องรายกับทาง ปปง. ก็สามารถอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นMOREเพิ่มเติมได้ ดังนั้นก็จะนำข้อมูลการกล่าวโทษปั่นหุ้นมารวมกับข้อมูลที่ตำรวจได้รับคำร้องทุกข์ร่วมกันฉ้อโกง เพื่อนำประกอบการสอบสวนคดีต่อไป

อย่างไรก็ตามกรณีการซื้อขายหุ้น MORE ได้เรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้ว และเมื่อ.มีการกล่าวโทษเรื่องปั่นหุ้นเพิ่ม ผู้ที่ถูกกล่าวโทษจะมีสถานภาพเป็นผู้ต้องหา 

โบรกเกอร์ลุ้นยืดอายัดทรัพย์

แหล่งข่าวโบรกเกอร์ฝั่งซื้อที่ได้รับความเสียหาย กล่าวว่า การตรวจสอบหุ้น MORE ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการของทางปปง. และปอศ.จะส่งเรื่องไปอัยการเพื่อส่งฟ้องต่อศาล และศาลจะรับฟ้องหรือไม่ ซึ่งต้องติดตาม ส่วนวันที่ 18 ก.พ. ที่จะครบกำหนดอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น MORE นั้น หากไม่มีการอายัดต่อ เชื่อว่าโบรกเกอร์จะมีการไปยื่นศาลเพื่อให้มีคำสั่งอายัดต่อโดยเฉพาะในส่วนที่โบรกเกอร์ได้รับความเสียหายประมาณ 4,500 ล้านบาท

ด้านแหล่งข่าวโบรกเกอร์ฝั่งซื้ออีกราย ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางปปง.ซึ่งคาดว่าทางปปง.จะยื่นไปทางอัยการและยื่นศาลเพื่อให้มีขยายเวลาการอายัดทรัพย์สินเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นMORE ต่อเนื่อง

สำหรับกรณีการซื้อขายหุ้นMOREนั้น ทางบริษัทได้มีการทบทวนและปรับปรุงระบบการทำงานภายใน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้รอทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO)หามาตรการกำกับดูแล โดยร่วมกันตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ในการดำเนินการและได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อดำเนินการเรื่องดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์ผู้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น MORE รวม 34 รายการ มูลค่ารวมกว่า 5,376 ล้านบาท จากผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 25 คน(รวมนายอภิมุข)

จากการสอบสวนของ ปปง. ซึ่งได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางลงวันที่ 20 พ.ย.2565 เรื่อง รายงานเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน จึงได้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว

โดย โบรกเกอร์ที่ได้รับความเสียหาย ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับ นายอภิมุข และบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีถูก นายอภิมุข หลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดความจริง หลอกลวงให้หลงเชื่อว่า นายอภิมุข จะชำระค่าซื้อหุ้น MORE และ MORE-R ซึ่งต่อมาโบรกเกอร์ได้อนุมัติให้มีการปล่อยสินเชื่อกับ นายอภิมุข และบุคคลที่เกี่ยวข้อง

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากในวันเกิดเหตุ นายอภิมุข ได้มีการตั้งคำสั่งซื้อหุ้น MORE และ MORE-R จำนวนมาก และเป็นการตั้งคำสั่งล่วงหน้าก่อนตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการเข้ามายังระบบ Automatic Order Matching (AOM) ไปยังบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งเป็นนายหน้าของ นายอภิมุข จำนวนหลายแห่ง ในราคาที่สูงกว่าราคาปิดตลาดของวันก่อนหน้า ทำให้มีมูลค่าการซื้อหุ้นด้วยวิธีการดังกล่าว แต่เมื่อครบกำหนดชำระค่าหลักทรัพย์ นายอภิมุข กลับไม่ได้ชำระค่าหุ้นดังกล่าว

นอกจากนี้ การซื้อขายหุ้นในลักษณะดังกล่าว อาจทำให้ประชาชนและนักลงทุนทั่วไปเข้าใจผิดว่าหุ้น MORE เป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงในการลงทุน โดยจากการสืบสวนของกองกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พบว่า นายอภิมุข และผู้เกี่ยวข้อง อีกจำนวน 24 ราย มีการตั้งคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่เหมือนกัน โดยมีเงื่อนไขว่า ให้ซื้อขายในราคาที่มีการเปิดการซื้อขาย(At the Open (ATO) และยังพบว่าคำสั่งซื้อขายของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ นายอภิมุข มีหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ Internet Protocol Address (IP Address) ที่ตรงกับคำสั่งซื้อขายของ นายอภิมุข

หลักฐานโยง 24 รายส่อเกี่ยวข้อง

กลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะของการเป็นเครือญาติ แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ IP Address กลับอยู่ในสถานที่เดียวกัน ทั้งนี้ โดยมีบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกัน ได้แก่

1.นายเอกภัทร พรประภา มีความเกี่ยวข้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MORE และเป็นเพื่อนกับ นายอภิมุข

2.นายอธิภัทร พรประภา มีความเกี่ยวข้องเป็นพี่ชายของ นายเอกภัทร พรประภา และเป็นเพื่อนกับ นายอภิมุข

3.นาวสาวอรเก้า ไกยสิทธิ์ มีความเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนกับ นายอภิมุข และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MORE

4.นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล มีความเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนกับ นายอภิมุข และเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (DNA) ซึ่งเป็นชื่อเดิมของ MORE

5.นายสามารถ ฉั่วศิริพัฒนา มีความเกี่ยวข้องโดยเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DNA ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น MORE และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ เอ็มไพร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ HEMP และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE

6.นายเกรียงศักดิ์ วงศ์โอสถพานิช มีควมเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนกับ นายเอกภัทร พรประภา และ นายอภิมุข

7.นางสาวจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ มีความเกี่ยวข้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ MORE ร่วมกับ นายอภิมุข

8.นายปริญญา ปริญญานุสสรณ์ มีความเกี่ยวข้องโดยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MORE ร่วมกับ นายอภิมุข

9.นายมั่นคง เสถียรถิระกุล มีความเกี่ยวข้องโดยคำสั่งซื้อขายของ นายมั่นคง มี IP Address ที่ตรงกับคำสั่งซื้อขายของ นายอภิมุข และมีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้อขายในราคา ATO

10.นายประยูร อัสสกาญจน์ มีความเกี่ยวข้องโดยเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GSC ร่วมกับ นายวสันต์ จาวลา และ นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสึกุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MORE ร่วมกับ นายอภิมุข

11.นายวสันต์ จาวลา มีความเกี่ยวข้องโดยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ MORE ร่วมกับ นายอภิมุข

12.นายอิทธิวรรธน์ วรรณะเอี่ยมพิกุล มีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้อขายในราคา ATO

13.นางอรพินธุ์ พรประภา มีความเกี่ยวข้องโดยเป็นมารดาของ นายเอกภัทร พรประภา และนายอธิภัทร พรประภา และคำสั่งซื้อขายของ นางอรพินธุ์ มี IP Address ที่ตรงกับคำสั่งซื้อขายของ นายอภิมุข

14. บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด มีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้่อขายในราคา ATO

15.บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด มีความเกี่ยวข้องกับ บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด

16. นายกัลพล ปริญญานุสสรณ์ มีความเกี่ยวข้องโดยเป็นพี่น้องกับ นายปริญญา ปริญญานุสสรณ์ และมีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้อขายในราคา ATO

17.นายชิติพัทธ์ กล่อมจิตเจริญ มีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อขายในราคา ATO

18.นายสมนึก กยาวัฒนกิจ มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัท ตงฮั้ว โดยเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ บริษัท ตงฮั้ว โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด และมีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้อขายในราคา ATO

19.นายอภิชาติ บำรุงวงศ์ มีความเกี่ยวข้องโดยเป็นพี่น้องกับ นายอภิมุข และมีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขให้ซื้อขายในราคา ATO

20.นายไพศาล เกษมศิรินาวิน มีการตั้งคำสั่งซื้อขายโดยมีเงื่อนไขว่าให้ซื้อขายในราคา ATO

21.นายธรรมนูญ เวชวิทยาขลัง

22.นายพิเชษฐ์ ผลสุวรรณชัย

23.นายภัทร ฉัตรเจริญสุข

24.นายธนยุทธ ฤกษ์รักษา