BCPG หลายปัจจัยลบกระทบใน 4Q65F (1 ก.พ. 2566)

BCPG หลายปัจจัยลบกระทบใน 4Q65F (1 ก.พ. 2566)

ประมาณการ 4Q65F จะอ่อนแอเพราะปัจจัยฤดูกาล และมีการปิดโรงไฟฟ้าพลังนํ้าชั่วคราว

BCPG จะส่งงบ 4Q65F ในวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งเราคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 215 ลบ. (-67% QoQ, -10% YoY) แต่หากไม่รวมผลขาดทุน FX และค่าสินไหมจากบริษัทประกัน เราคาดว่ากำไรหลักจะลดลงมาอยู่ที่ 360 ลบ. (-43% QoQ, -38% YoY) เพราะรายได้ลดลงขณะที่ค่าใช้จ่ายสูงตามฤดูกาล ถึงแม้ว่าจะขึ้นค่า Ft ในไทย แต่เรายังคาดว่ารายได้หลักจะลดลง 18% QoQ เพราะผลการดำเนินงานที่อ่อนแอของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และเป็นช่วง low season ของโรงไฟฟ้า solar ในญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ GPM เหลือ 61.3% (จาก 66.2% ใน3Q65) อีกทั้งยังเป็นช่วง low season ของโครงการ Nam San 3A&3B (114MWe) และยังต้องปิดชั่วคราว (ตั้งแต่ ธ.ค. 65) เพื่อรอให้สายส่งไฟฟ้า (LA-VN) เสร็จ นอกจากนี้กำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะไม่มี
โครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ และมีโครงการที่ adder หมดอายุในปี 2565 สองโครงการ

 

…และจะยังลดลงต่ออีกใน 1Q66F เพราะขาดปัจจัยกระตุ้น

เราคาดว่ากำไรหลักใน 1Q65F จะลดลงทั้ง QoQ และ YoY เพราะ adder ของ BSE-BNN หมดอายุลง (16MW – มี.ค. 66) และเป็นช่วง low season ที่สุดของโรงไฟฟ้าพพลังน้ำ ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเดินเครื่องใหม่ภายใน 1Q66 เพรายังรอการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าทางฝั่งเวียดนามอยู่ (แต่ฝั่งลาวเสร็จแล้ว) เราคาดว่า กำไรจะลดลงแม้จะมีปัจจัยบวกจากการที่โรงไฟฟ้า solar ในประเทศไทยและญี่ปุ่นเข้าสู่ช่วง peak ตามฤดูกาล, มีการขึ้นค่า Ft 0.61 บาท/kWh higher, และ SG&A กลับมาอยู่ระดับปกติ

 

 

รอการเติบโตที่น่าตื่นใจ ในขณะที่เหลือเวลาน้อยลงเรื่อย ๆ ก่อนที่ adder จะหมดอายุ

เนื่องจากโอกาสเติบโตในประเทศมีจำกัด BCPG จึงหันไปเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศแทน โดยมุ่งไปที่ไต้หวัน เวียดนาม และสหรัฐ ซึ่งนอกจากโครงการพลังงานหมุนเวียนและโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 75% ของ capex รวมแล้ว บริษัทกำลังศึกษาโครงการที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานใหม่ ๆ อย่างเช่น สายโซ่อุปทานของแบตเตอรี่, ไฮโดรเจน และ คลังน้ำมัน )oil terminalอีกด้วย สำหรับ (ในไทย ธุรกิจคลังน้ำมัน และท่าเรือเดินทะเลของบริษัทที่มีกำหนดจะปิดดีลใน1Q66 น่าจะทำกำไรให้บริษัทได้ปีละ 190-270 ล้านบาท (กำไรปี 2567F มี upside อีก 11-16% โดยมี EIRR อยู่ที่ 9-10%) ซึ่งเรา
ยังไม่ได้รวมดีลนี้ในประมาณการ นอกจากนี้แม้ว่าจะมีโครงการ Solar ที่กำลังจะเปิดใหม่ในไตหวัน แต่เรายังคงคาดว่ากำไรหลักในปี 2566-2567F จะมีแนวโน้มลดลงเพราะขาดโครงการใหม่ ๆ ที่จะมาช่วยชดเชยโครงการที่ adder หมดอายุลง และโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ขายออกไป

 

Valuation & Action

ราคาหุ้นจึงน่าจะยังคงแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ รอโครงการใหม่ ๆ ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งให้ผลตอบแทนน่าสนใจ ท่ามกลางผลกระทบจากการที่ adder หลายโครงการที่หมดอายุลงและการแข่งขันที่เข้มข้นนอกจากนี้บางคนอาจจะกังวลกับแผนลงทุน )capex) ก้อนใหญ่ของ BCPG ในปีนี้ที่ 3 หมื่นลบ. หลังจากที่ BCP เข้าไปซื้อโรงกลั่นใหญ่ แต่ผู้บริหารยังคงยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวจะไม่กระทบการก่อหนี้ และแผนลงทุนของบริษัทแต่อย่างใด เรายังคงคำแนะนำ ถือ ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 10.40 บาท

 

Risks

การปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย