นับถอยหลังเลือกตั้ง หุ้นไทยพร้อมซื้อ-ก่อน ดักกำไรช่วงไหน

นับถอยหลังเลือกตั้ง  หุ้นไทยพร้อมซื้อ-ก่อน ดักกำไรช่วงไหน

“การเลือกตั้ง” ทำให้บรรดาคอการเมืองตื่นตัวเพราะคาดการณ์ตั้งแต่ปี 2565 อยู่แล้วว่าปีนี้เป็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งธีมดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นได้เพิ่มปัจจัยบวกดังกล่าวเข้าไว้ในการประมาณการณ์ดัชนีตลาดหุ้น และวางกลยุทธ์ดักก่อนและหลังเลือกตั้งเพื่อเพิ่มโอกาสกำไร

         จากรอสัญญาณมานานท่ามกลางการขยับตัวของบรรดานักการเมืองย้ายพรรค-ประกาศนโยบายและเริ่มหาเสียงลงพื้นที่ล่วงหน้ากันไปแล้ว    เพราะมีการมองความเป็นไปได้ที่รัฐบาลชุดนี้จะประกาศ “ยุบสภา” เพื่อชิงความได้เปรียบและประกาศเลือกตั้งภายในไตรมาสที่ 2

            ตามระยะเวลาดังกล่าวมีการเริ่มนับถอยหลังตั้งแต่ ช่วงวันที่ 29 ม.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศเผยแพร่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ที่จะนำมาใช้ในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว

         

           หลังจากนั้นเริ่มความเคลื่อนไหวโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เข้าหารือการจัดการเลือกตั้งกับ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายของรัฐบาล ซึ่งได้ให้แนวทางก่อนที่จะมีการยุบสภา ทาง กกต.ขอเวลาทำงานอย่างน้อย 45 วัน สิ่งที่เป็นปัญหานับจากนี้คือ กกต.ต้องมีการแบ่งเขตการเลือกตั้งจากเดิมที่มี 350 เขต เพิ่มเป็น 400 เขต

        ที่สำคัญมีบางจังหวัดที่มีประชากรเพิ่มและลดไม่เท่าเดิม ซึ่ง กกต.กลางจะต้องส่งให้ กกต.จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและพรรคการเมืองในแต่ละจังหวัดด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 1 เดือน โดยถือเอาเดือนก.พ.ทั้งเดือน คือ 28 วัน อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ หลังจากนั้นจะ
“ยุบสภาเมื่อไหร่ก็ได้”

            ตามเงื่อนไขเวลาดังกล่าว กกต. ต้องออกเกณฑ์การเลือกตั้ง การแบ่งเขตต่างๆ ซึ่งคาดว่า การยุบสภา น่าจะหลังวันที่15 มี.ค.  หรือหากจะรอจนสภาผู้แทนราษฎร์สิ้นวาระในวันที่ 24 มี.ค. ยังคง ประเมินว่าการเลือกตั้งทั่วไปน่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน พ.ค. 2566 อยู่ดี

       บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)หยวนต้า (ประเทศไทย) กฎหมายเลือกตั้ง 2 ฉบับได้รับการโปรดเกล้าฯ และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว โดยในส่วนของ กกต.จะประชุมวันนี้ เพื่อออกเกณฑ์แบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต โดยคาดว่าจะใช้เวลา 20 วัน  ก่อนจะให้พรรคการเมืองทำไพรมารีโหวตอีก 25 วัน ซึ่งจะตรงกับช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ กกต. ประเมินว่าสามารถยุบสภาฯได้ โดยไม่มีความยุ่งยากในการจัดเตรียมการเลือกตั้ง

            จังหวะเวลาของการเมืองไทยยังเป็นไปตามที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ คาดหนุนหุ้นเชื่อมโยงการเมืองให้มีสีสันมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเห็นแรงเก็งกำไรเข้าสู่กลุ่มหุ้นที่มีความเชื่อมโยงกับการเมือง เช่น SC, SIRI, PR9, STEC, STPI, TKS, ค้าปลีก, รับเหมา, ไฟแนนซ์, อาหารเครื่องดื่ม ขณะที่การไหลเข้าของกระแสเงินต่างชาติจะหนุนเงินบาทแข็งค่า และเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์และโรงไฟฟ้า

          บล.โนมูระ พัฒนสิน หลังจากนี้ กลไกการเลือกตั้งใหญ่ ประกอบด้วย 2 แนวทาง คือ          1)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาก่อนสมัยรัฐบาลจะสิ้นสุด 23 มี.ค.  กรณีดังกล่าว จะต้องมีการจัดเลือกตั้งภายใน 45-60 วันนับจากวันยุบสภา 

2) รัฐบาลปัจจุบันอยู่จนครบสมัยในวันที่ 23 มี.ค. 23จะต้องมีการจัดเลือกตั้งภายใน 45วัน นับจากมีกฤษฎีกาการเลือกตั้งหรือปัจจุบันที่ กกต. กำหนดไว้ในวันที่ 7 พ.ค. 23 จิตวิทยาบวกต่อหุ้นมัก Outperform ก่อนการเลือกตั้ง 1-3 เดือน มีหุ้น  KBANK, SCB, ADVANC, INTUCH, SC, AMATA, SIRI, CPALL,MAKRO, KTC, MINT, BEC โดยให้ผลตอบแทนตั้งแต่ 3.7-19.3% ด้วยโอกาส 60% ขึ้นไป

            ขณะที่ภายหลังการเลือกตั้ง จะเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เชิงเศรษฐกิจหลังไทยเตรียมความพร้อมล่วงหน้า โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างต่างๆ ทั้งโครงสร้างภาษี โครงสร้างพื้นฐาน (โครงการขนาดใหญ่ที่มีการอนุมัติในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา กว่า 85% จะทยอยเปิดในสมัยรัฐบาลชุดถัดไป) โครงสร้างรายได้ การออมของประชาชนในปัจจุบัน หนุนภาพเศรษฐกิจไทยเติบโตระยะกลาง-ยาวเด่น   KBANK, SCB, ADVANC,INTUCH, SC, AMATA, SIRI,CPALL, MAKRO, KTC,MINT และ  BEC