Sideways ซื้อหุ้นกลุ่มที่ Underperform

Sideways ซื้อหุ้นกลุ่มที่ Underperform

คาดดัชนีฯ Sideways แนวรับ 1,672/1,660 จุด แนวต้าน 1,690/1,700 จุด ทางเทคนิค จะเกิดสัญญาณขาย หากดัชนีฯ ปิดต่ำกว่า 1,672 จุด เชิงกลยุทธ์ แนะนำ ซื้อหุ้นกลุ่มที่ Underperform ตลาดในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

เช่น กลุ่ม Reopening ซึ่งมีความเสี่ยงขาลงจำกัด และมีปัจจัยบวก หลังจากทางการจีนอนุญาตให้บริษัททัวร์จัดส่งนักท่องเที่ยวออกนอกประเทศ ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. นี้ หุ้นแนะนำ SPA KAMART CENTEL

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Big Cap Portfolio: AWC BGRIM CENTEL BH BEM CPALL AOT BBL HANA CPN TTB BDMS PLANB (ขาย SAWAD ซื้อ SABUY)

+ Daily Recommendations: SPA (แนวรับ 11.40/11.00 บาท แนวต้าน 12.10/12.50 บาท) KAMART (แนวรับ 8.05/7.85 บาท แนวต้าน 8.60/8.90 บาท) CENTEL (แนวรับ 49.00/48.00 แนวต้าน 52.00/53.00 บาท)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า: กลุ่มนำเข้า (COM7 TOA SYNEX) กลุ่ม หนี้ต่างประเทศสูง สายการบิน (AAV) โรงไฟฟ้า (GPSC GULF BGRIM)

+ หุ้น 4Q22E Earnings Play: COTTO SINGER EPG PTG NEX ESSO BAFS JMT THANI SNNP M PRINC EKH MFEC HUMAN PLANB PTTGC IMPACT SA SC ORI JWD FSMART PJW IIG

 

ปัจจัยบวก

+ China: รัฐบาลจีนอนุญาตให้บริษัททัวร์และบริษัทท่องเที่ยวในระบบออนไลน์สามารถจัดส่งนักท่องเที่ยวจีนเดินทางออกนอกประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ. โดยประเทศไทยเป็น 1 ใน 20 ประเทศที่ได้รับอนุญาต

 

ปัจจัยลบ

- Thailand: นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีการขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย หลังจากหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ รายงานกำไร 4Q22E ต่ำกว่าคาด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นกับ หุ้นกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มบรรจุภัณฑ์ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่จะรายงานกำไรสัปดาห์นี้ จากแนวโน้มกำไร 4Q22E ที่ลดลงทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย

 

 

 

ประเด็นสำคัญ

- US: CB Leading Index เดือน ธ.ค. คาด -0.7% MoM (Vs เดือน พ.ย. -1% MoM)

- Japan: BOJ Meeting Minutes

- EU: Brussel รมว.ต่างประเทศ อียู ประชุมเพื่อหารือสถานการณ์ในยูเครน

- วันหยุดเทศกาลตรุษจีน: ตลาดหุ้นจีน ปิดทำการตั้งแต่วันที่ 23-27 ม.ค. ตลาดหุ้น HSKI ปิดวันที่ 23-25 ม.ค. สิงคโปร์และไต้หวัน ปิดวันที่ 23-24 ม.ค.

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: การผิดหวังต่อผลกำไรกลุ่มธนาคารที่แย่กว่าคาด ส่งผลต่อ SET Index ปรับตัวแย่กว่าภูมิภาค โดยเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนตัว กรอบ 1,688.59-1,672.49 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,677.25 จุด -11.23 จุด วอลุ่ม 7.6 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ -2.42% ธนาคาร -2.36% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ -0.86% เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร -0.78% หุ้นบวก >4% STARK TIPH WARRIX PRI TVI HUMAN ZEN หุ้นลบ >4% KBANK SAWAD MTC TIDLOR ARIP SAF

+ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA +1% S&P500 +1.89% NASDAQ +2.66% (สัปดาห์ที่ผ่านมา DJ -2.7% WoW S&P500 -0.66% WoW แต่ Nasdaq +0.55% WoW) หุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดบวกหลังร่วง 3 วันติดต่อกัน เป็นผลจากการปรับขึ้นของหุ้น Netflix +8.46% หลังรายงานจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นดีกว่าคาด และโมเมนตัมบวก จากความเห็นของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ระบุว่า เฟดอาจใกล้ถึงจุดที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการชะลอเงินเฟ้อ เช่นเดียวกันกับประธานเฟด สาขาฟิลาเดลเฟีย ฮาเกอร์ ที่ส่งสัญญาณเฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% หลังเฟดใช้นโยบายเชิงรุกช่วงที่ผ่านมา ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก CAC-40 +0.63% DAX +0.76% FTSE +0.3% โดยมีแรงหนุนจากการที่จีนเปิดประเทศ หนุนหุ้นกลุ่มเดินทางและนันทนาการ และหุ้นกลุ่มค้าปลีก ปรับสูงขึ้น แต่ทั้งสัปดาห์ดัชนีตลาดหุ้นยุโรป STOXX600 -0.1% WoW จากรายงานกำไรบจ. อ่อนแอกว่าคาด

+ ราคาน้ำมันดิบและทองคำปิดบวก: WTI +98 เซนต์ ปิดที่ +USD81.31/บาร์เรล Brent +USD1.47 ปิดที่ USD87.63/บาร์เรล โดยมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบจากจีน ปรับสูงขึ้น หลังการยกเลิกมาตรการควบคุม COVID-19 ส่วนราคาทองคำ +USD4.3 ปิดที่ USD1,928.2/ออนซ์ เพราะตลาดคาดว่าเฟดจะชะลออัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว กดดันให้ค่าเงิน USD อ่อนค่า -0.04% แตะที่ 102.01 ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดต่อทองคำ

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา 3 บจ. รายงานกำไรสุทธิ โดย KTB รายงานกำไร 8,930 ล้านบาท ดีกว่าคาด +13.2% (+5.7% QoQ และ +80.6% YoY) ส่วน TTB กำไร 3,847 ล้านบาท ดีกว่าคาด +26.2% (+3.6% QoQ และ +37.4% YoY) และ KTC กำไร 1,666 ล้านบาท ดีกว่าคาด 1.1% (-6.0% QoQ แต่ +33.5% YoY)

+ Japan: ผู้ว่าการ BOJ กล่าวว่า BOJ จะยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นพิเศษต่อไป เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ ผู้ว่าการ BOJ กล่าวว่า การขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น อายุ 10 ปี ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของ BOJ

+ Germany: เยอรมนี เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลดลงครึ่งหนึ่งจากจุดสูงสุด สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านราคาในเยอรมนีกำลังลดลง โดยปรับตัวขึ้น 21.6% ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลงเมื่อเทียบรายปี ลดลงจาก 28.2% ในเดือน พ.ย. 2022 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2021 นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 45.8% ในเดือน ส.ค. และ ก.ย. เป็นอย่างมาก

- IMF: IMF ออกแถลงการณ์ระบุว่า ความล้มเหลวในการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐฯ จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ รวมทั้งเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ IMF ยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เริ่มใช้มาตรการพิเศษในการชำระหนี้ของรัฐบาลกลาง ขณะที่หนี้สินของสหรัฐฯ ได้แตะเพดาน

- US: NAR เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 1.5% สู่ระดับ 4.02 ล้านยูนิต ในเดือน ธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2010 แต่สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.96 ล้านยูนิต โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านดิ่งลง 34.0% ในเดือน ธ.ค. จากผลกระทบของการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: CRC CPN AOT

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: SPA KAMART CENTEL

Derivatives: หาจังหวะปิด Long S50H23 ทำกำไรสั้น ๆ ออกไปก่อน