ผู้เสียหาย FTX เฮ! สหรัฐสั่งยึดทรัพย์ 'แบงค์แมน-ฟรีด" 2.2 หมื่นล้าน

ผู้เสียหาย FTX เฮ! สหรัฐสั่งยึดทรัพย์ 'แบงค์แมน-ฟรีด" 2.2 หมื่นล้าน

รัฐบาลสหรัฐสั่งยึดทรัพย์เกือบ 700 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.2 หมื่นล้านบาท) จากนาย ‘แบงค์แมน-ฟรีด’ อดีตซีอีโอบริษัท FTX หลังถูกจับฐานฉ้อโกงยักยอกทรัพย์

ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ได้รับความเสียหายที่สืบเนื่องกับกรณี การยื่นล้มละลาย ของบริษัทเอฟทีเอกซ์ (FTX) ผู้ให้บริการเทรด สินทรัพย์คริปโต ที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในปีที่ผ่านมา   

เมื่อล่าสุด  ต้นเดือนม.ค.นี้ อัยการของรัฐบาลสหรัฐได้สั่งยึดทรัพย์สินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ หรือราว ๆ 22,960 ล้านบาท จากนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งและอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ FTX ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของหุ้นบริษัทโรบินฮูด มาร์เก็ตส์ (Robinhood Markets) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเทรดหุ้นและสินทรัพย์คริปโต 

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เปิดเผยถึงการยึดหุ้นของนายแบงค์แมน-ฟรีด ในบริษัทโรบินฮูดฯ เมื่อต้นเดือนม.ค.นี้ แต่เพิ่งมาทำการแจกแจงรายการสินทรัพย์ที่ถูกยึดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) ซึ่งนอกจากหุ้นโรบินฮูดฯแล้ว ยังรวมถึงเงินสดที่อยู่ในธนาคารต่าง ๆ และสินทรัพย์ที่นายแบงค์แมน-ฟรีด ฝากไว้กับบริษัทไบแนนซ์ (Binance) ที่เป็นบริษัทซื้อขายคริปโตรายใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

เอกสารของศาลสหรัฐเมื่อวันศุกร์ (20 ม.ค.) ระบุว่า การยึดทรัพย์สินครั้งนี้สืบเนื่องจากคดีที่นายแบงค์แมน-ฟรีดได้ถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากลูกค้าของ FTX เพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับ ‘อลาเมดา รีเสิร์ช’ (Alameda Research) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ด้านคริปโตเคอร์เรนซีของเขา

อย่างไรก็ตาม  นายแบงค์แมน-ฟรีด ปฏิเสธไม่ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกง และมีกำหนดจะต้องเข้ารับการพิจารณาคดีในเดือนต.ค.

นายแบงค์แมน-ฟรีด นักธุรกิจวัย 30 ปี เป็นผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอบริษัท FTX แพลตฟอร์มซื้อขายเงินดิจิทัล ถูกตั้งข้อหาฉ้อโกงยักยอกเงินทุนหลายพันล้านดอลลาร์จากบริษัท และละเมิดกฎหมายการเงินสำหรับหาเสียง (campaign finance laws) หลังทำบริษัทล้มละลายจนกระทบนักลงทุนที่กลายเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก

นายแบงค์แมน-ฟรีด เคยเป็นเศรษฐีใหม่ในทำเนียบบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก และเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท FTX ที่เคยมีมูลค่ากว่า 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแต่สุดท้ายบริษัทก็ตกอยู่ในสถานะล้มละลายเมื่อปลายปี 2565

อัยการสหรัฐระบุว่า เขาพัวพันแผนฉ้อโกงลูกค้า FTX ด้วยการยักยอกเงินทุนเอาไปใช้จ่ายและชำระหนี้ อีกทั้งยังนำเงินลูกค้าราว 10,000 ล้านดอลลาร์ไปลงทุนในนามของบริษัทคริปโตเฮดจ์ฟันด์อลาเมดา รีเสิร์ช (Alameda Research) ที่ตัวเขาเองเป็นเจ้าของ

เอกสารของอัยการระบุด้วยว่า นายแบงค์แมน-ฟรีด ฉ้อโกงเจ้าหนี้ของอลาเมดาฯ ด้วยการให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัทเฮดจ์ฟันด์แห่งนี้ และพยายามปกปิดแหล่งที่มาของเงินด้วยการฉ้อโกงผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์

นายแบงก์แมน-ฟรีด ยังถูกแจ้งข้อหาขโมยเงินทุนลูกค้าหลายสิบล้านดอลลาร์เอาไปสนับสนุนแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งด้วย แต่เขายังยืนยันเมื่อให้การต่อศาลเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เขาไม่เคยโกงใคร และปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขาฉ้อโกงลูกค้าของ FTX