แกว่งตัวในกรอบ Sideways เน้นเก็งกำไรระยะสั้น

แกว่งตัวในกรอบ Sideways เน้นเก็งกำไรระยะสั้น

คาดดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบ Sideways แนวรับ 1,675/1,670 จุด แนวต้าน 1,690/1,700 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบจนกว่าจะเลือกทิศทางที่ชัดเจน

โดยจะกลับสู่แนวโน้มขาขึ้นหากดัชนีฯ ปิดเหนือ 1,690 จุด และเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาลง หากปิดต่ำกว่า 1,670 จุด เชิงกลยุทธ์ เน้นเก็งกำไรระยะสั้น ตามกรอบแนวรับแนวต้านของ SET Index โดยเน้นที่หุ้นขนาดกลางซึ่งมี Catalyst เชิงบวก เฉพาะตัว หุ้นแนะนำ AH EKH PLANB

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Big Cap Portfolio: AWC BGRIM CENTEL BH BEM CPALL AOT BBL HANA CPN TTB BDMS PLANB

+ Daily Recommendations: AH (แนวรับ 32.00/31.00 บาท แนวต้าน 33.50/35.50 บาท) EKH (แนวรับ 8.70/8.50 บาท แนวต้าน 9.30/9.70 บาท) PLANB (แนวรับ 8.45/8.15 บาท แนวต้าน 8.90/9.35 บาท)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า: กลุ่มนำเข้า (COM7 TOA SYNEX) กลุ่ม หนี้ต่างประเทศสูง สายการบิน (AAV) โรงไฟฟ้า (GPSC GULF BGRIM)

+ หุ้น 4Q22E Earnings Play: COTTO SINGER EPG PTG NEX ESSO BAFS JMT THANI SNNP M PRINC EKH MFEC HUMAN PLANB PTTGC IMPACT SA SC ORI JWD FSMART PJW IIG

 

ปัจจัยบวก

+ Thailand: สถาบันการเงินต่างชาติ เช่น เครดิต สวิส, เจ.พี.มอร์แกน และอเบอร์ดีน มีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากจีนเปิดประเทศ เงินบาทแข็งค่า มาตรการกระตุ้นการบริโภค (ช้อปดีมีคืน) เงินเฟ้อเข้าสู่ช่วงขาลง และการเลือกตั้ง พร้อมคาด 2023E SET Index มีโอกาสแตะ 1,800 จุด

 

ประเด็นสำคัญ

- Japan: BOJ Meeting คาดคงดอกเบี้ยที่ -0.1%

- EU: CPI เดือน ธ.ค. คาด +9.2% YoY (Vs เดือน พ.ย. +10.1% YoY)

- US: Retail Sales เดือน ธ.ค. -0.5% MoM (Vs เดือน พ.ย. -0.6% MoM), PPI เดือน ธ.ค. +0% MoM, 6.9% YoY (Vs เดือน พ.ย. +0.3% MoM, +7.4% YoY), Fed Beige Book, สุนทรพจน์ประธานเฟด สาขาแอตแลนต้า Bostic, สาขาดัลลัส Logan, สาขา ฟิลาเดลเฟีย Harker

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

- ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดลบ: SET Index วานนี้ เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways Down 1,688.56-1,679.20 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,681.04 จุด -3.82 จุด วอลุ่ม 5.4 หมื่นล้านบาท นำลงโดยกลุ่มธนาคาร -0.94% อาหารและเครื่องดื่ม -0.56% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ -0.55% สื่อและสิ่งพิมพ์ -0.46% หุ้นบวก >4% TMC BTG ITD BIOTEC AH PRAPAT NV CMO MITSIB CNT

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดคละ: DJIA -1.14% S&P500 -0.20% NASDAQ +0.14% โดย DJIA และ S&P500 ปิดลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของ Goldman Sachs ที่ออกมาต่ำกว่าคาดและจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจาก Empire State Index ดิ่งลงสู่ระดับ -32.9 ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2020 ส่วน Nasdaq ปิดในแดนบวกโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น +0.44% จากการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น Tesla หลังมีรายงานว่ายอดขายในจีนระหว่างวันที่ 9-15 ม.ค. เติบโต +76% YoY ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 +0.48% DAX +0.35% FTSE -0.12% โดยดัชนี STOXX600 แตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบเกือบ 9 เดือน นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม หลังมีรายงานบ่งชี้ว่า ECB กำลังพิจารณาที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

+/- ราคาน้ำมันดิบปิดบวก ส่วนทองคำปิดลบ: WTI +32 เซนต์ ปิดที่ USD80.18/บาร์เรล Brent +USD0.64 ปิดที่ USD85.92/บาร์เรล รับข่าวจีนเปิดเผย 4Q22 GDP ขยายตัวดีเกินคาด และการยกเลิกนโยบาย COVID-19 เป็นศูนย์ของจีน จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ส่วนราคาทองคำกลับมาปิดลดลง -USD11.80 ปิดที่ USD1,909.90/ออนซ์ หลังจาก US 10Y Bond Yield ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.54%

 

 

 

ประเด็นสำคัญ

- US: เฟด สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ต่ำกว่าคาด ดิ่งลงสู่ระดับ -32.9 ในเดือน ม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2020 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -7 จากระดับ -11.2 ในเดือน ธ.ค. โดยได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ซบเซา ส่งผลให้คำสั่งซื้อใหม่ดิ่งลง ส่วนการจ้างงานชะลอตัว

- China: สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2022 ของจีนขยายตัว 3% ดีกว่านักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะขยายตัว 2.8% อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนในปี 2022 ชะลอตัวลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2021 ที่มีการขยายตัว 8.4%

- Thailand: ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. 2022 อยู่ที่ระดับ 92.6 ลดลงจากเดือน พ.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.5 โดยเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน จากปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ ภาคการผลิตชะลอลง เนื่องจากเดือน ธ.ค. มีวันทำงานน้อยและมีวันหยุดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่, ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นโดยเฉพาะค่าไฟฟ้า, การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์, ปัญหาเงินเฟ้อที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ และการส่งออกที่มีสัญญาณชะลอตัว

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: TIDLOR PTTEP PTTGC / ระยะยาว SAWAD BGRIM

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: AH EKH PLANB

Derivatives: ชะลอลงทุน รอดัชนีเลือกทาง