Sideways เน้นหุ้น Laggard Play (11 ม.ค. 2566)

Sideways เน้นหุ้น Laggard Play (11 ม.ค. 2566)

คาดดัชนีฯ Sideways แนวต้าน 1,700/1,706 จุด แนวรับ 1,685/1,675 จุด ทางเทคนิค ตลาดยังคงอยู่ในทิศทางขาขึ้น หากยังสามารถยืนเหนือ 1,675 จุดได้ เชิงกลยุทธ์ เน้นหุ้น Laggard Play หลังจากตลาดเริ่มกังวลต่อแรงซื้อต่างชาติที่อาจชะลอลง

จากทิศทางเงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าระยะสั้น หลังจากเงินบาทแข็งค่า 4% ในสัปดาห์ก่อน และ 12% นับจากระดับอ่อนค่าสุด ส่งผลให้การลงทุนระยะสั้นเริ่มมีการเปลี่ยนกลุ่มลงทุน (Sector Rotation) จากหุ้นกลุ่มเปิดประเทศ (Reopening) ที่มี %Upside ขาขึ้นจำกัด เปลี่ยนเป็น หุ้น Laggards Play (หุ้นร่วงแรงปีที่ผ่านมา แต่ผลกำไรคาดว่าจะเติบโตดี) อาทิ กลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มพลังงาน กลุ่ม MAI เป็นต้น ที่มี %Upside สูงกว่าทดแทน แนะนำ PTG FSMART PJW

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: CRC AWC BGRIM CENTEL BH BEM CPALL AOT BBL HANA KKP CPN MINT KTB TTB BDMS NEX (ขำย GLOBAL)

+ Daily Recommendations: PTG (แนวรับ 14.70/14.30 บาท แนวต้าน 15.50/16.00 บาท) FSMART (แนวรับ 14.00/13.60 บาท แนวต้าน 15.00/15.50 บาท) PJW (แนวรับ 4.38/4.30 แนวต้าน 4.60/4.72 บาท)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า: กลุ่มนำเข้า (COM7 TOA SYNEX) กลุ่มหนี้ต่างประเทศสูง สายการบิน (AAV) โรงไฟฟ้า (GPSC GULF BGRIM)

+ หุ้น 4Q22E Earnings Play: COTTO SINGER EPG PTG NEX ESSO BAFS JMT THANI SNNP M PRINC EKH MFEC HUMAN PLANB PTTGC IMPACT SA SC ORI JWD FSMART PJW IIG

 

ปัจจัยบวก

+ Earnings Yield Gap: TH 10Y Bond Yield ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2.46% ส่งผลให้ Earnings Yield Gap สูงขึ้นแตะระดับ 3.9% เหนือกว่าค่าเฉลี่ย 12 เดือน ที่ 3.7% สะท้อนผลตอบแทนจูงใจกว่าเมื่อเปรียบเทียบระหว่างตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลและความตึงตัวด้าน Valuation ที่ลดลง ทำให้เราประเมินว่าระยะสั้น SET Index ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านสำคัญที่ 1,700 จุด

 

 

 

+ การท่องเที่ยว: ภำคกำรท่องเที่ยวมีปัจจัยบวกเพิ่มเติม หลังจำกหลำยประเทศออก กฎคุมเข้มนักท่องเที่ยวชำวจีน เพื่อลดกำรแพร่ระบำดของ COVID-19 ส่งผลให้ชำวจีนมีแนวโน้มเปลี่ยนเป้ำหมำยกำรเดินทำงมำยังประเทศไทย ซึ่งมีนโยบำยควบคุม COVID-19 ที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวชำวจีนมำกกว่ำ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกเชิง Sentiment ต่อกลุ่มโรงแรม สำยกำรบิน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกำรท่องเที่ยว

 

ปัจจัยลบ

- ค่าเงินบาท: เครื่องมือ KTX USDTHB Carry Trade บ่งชี้ค่าเงินบาทเข้าสู่ภาวะ Overbought หลังจากแข็งค่ามาแล้ว 4% ในสัปดาห์ก่อน และ 12% นับจากระดับ อ่อนค่าสุด ทำให้ตลาดมีความเสี่ยงที่เผชิญแรงเทขาย จากนักลงทุนต่างชาติ เพื่อทำกำไรจากตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน

 

ประเด็นสำคัญ

- Japan: Leading Economic Index เดือน พ.ย. คาด 98 (Vs เดือน ต.ค. 98.6)

- US: EIA Crude Oil Stock Change สัปดาห์ก่อนคาด -2.375mn. (Vs +1.964mn.)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเล็กน้อย: ตลาดหุ้นไทยวานนี้ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบ 1,695.53-1,684.90 จุด ก่อนปิดตลาดที่ 1,691.41 จุด +0.29 จุด วอลุ่มซื้อขาย 8.0 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยหุ้นกลุ่ม ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +5.5% วัสดุก่อสร้าง +1.2% ประกันภัยและประกันชีวิต +1.2% การแพทย์ +0.9% หุ้นบวก >4% PTTGC IVL IRPC SABUY PTG ITC FORTH RBF FSMART AS TH IT CNT STPI หุ้นลบ >4% GLOBAL PRI GSC

 

+/- หุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ส่วนยุโรปปิดลบ: DJIA +0.56% S&P500 +0.70% NASDAQ +1.01% ปิดบวกหลังจากประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณใด ๆ ที่บ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์งานสัมมนาประธานธนาคารกลางที่สวีเดนวานนี้ โดยหุ้นเทคฯ และหุ้นพลังงาน เป็นกลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นในค่ำคืนที่ผ่านมา ส่วนหุ้นยุโรปปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 3 วัน CAC40 -0.55% DAX -0.12% FTSE -0.39% จากแรงขายทำกำไร หลังตลาดปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ 8 เดือน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

+/- ราคาน้ำมันปิดบวก ส่วนทองคำปิดลบ: WTI +49 เซนต์ ปิดที่ USD75.12/บาร์เรล Brent +45 เซนต์ ปิดที่ USD80.10/บาร์เรล หลังจาก EIA เปิดเผย รายงาน Short-Term Energy Outlook คาดปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลก มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 102.2 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2024 จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ส่วนราคาทองคำกลับมาปิดลบ -USD1.30 ปิดที่ USD1,876.50/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ +0.23% แตะระดับ 103.236 และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี +6bps ปิดที่ 3.60%

 

ประเด็นสำคัญ

- World Bank: ธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในวันนี้ โดยได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 1.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี ทั้งนี้ ธนาคารโลกเตือนว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอยในปีนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ, สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป, การแพร่ระบาดของ COVID-19 และการชะลอตัวของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก

- Thailand: สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) คาดการส่งออกปี 2023 ขยายตัวได้ 2% แนวโน้มชะลอตัวลงต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย โดยการส่งออกอาจซึมยาวใน 1Q23E และมีโอกาสกลับมาฟื้นตัวในช่วง 2Q23E จากการเปิดประเทศของจีน และมีอัตราการเติบโตได้ดีในช่วงครึ่งปีหลัง

+ Thailand: ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2023 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตได้ 3.4% จากปัจจัยของภาคท่องเที่ยวที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจ และเข้ามาทดแทนภาคการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยราว 22.5 ล้านคน ขณะที่ประเมินว่าภาคการส่งอออกไทยในปีนี้จะเติบโตได้เพียง 0.7%

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: COM7 SNNP ADVANC/ระยะยาว SAWAD BGRIM

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: PTG FSMART PJW

Derivatives: ถือ Long S50H23 รอทำกำไร