Sideways Up เก็งกำไรระยะสั้น (29 ธ.ค. 2565)

Sideways Up เก็งกำไรระยะสั้น (29 ธ.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,651/1,660 จุด แนวรับ 1,640/1,630 จุด ทางเทคนิค ดัชนีฯ มีโอกาสแกว่งตัวทดสอบ 1,651 จุด แต่ยังผ่านไปได้ยาก เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลงใน 2 วันทำการสุดท้ายของปี 2022

สำหรับในเชิงกลยุทธ์ เน้นเก็งกำไรระยะสั้น ซื้อเมื่ออ่อนตัวหุ้นกลุ่ม Reopening เช่น กลุ่มท่องเที่ยว โรงพยาบาล และกลุ่มห้างสรรพสินค้า รับปัจจัยบวกจากประเด็นการเปิดประเทศของจีน และการปรับเพิ่มเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2023 ของททท. หุ้นแนะนำ SHR BCH BA

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: AWC BGRIM CK CENTEL GLOBAL BH BEM CPALL AOT BBL LH CPN MINT KTB TTB BDMS (แนะนำขาย KKP)

+ Daily Recommendations: SHR (แนะนำ Follow Buy หลังจากราคาหุ้น Break Out แนวต้านสำคัญที่ 4.08 บาท โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 4.28 บาท และจุด Stop Loss ที่ 4.00 บาท) BCH (แนะนำ Follow Buy ระยะสั้นมีแนวต้านที่ 20.80 บาท หากผ่านไปได้แนะนำถือ Let Profit Run โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 21.60 บาท โดยมีจุด Stop Loss ที่ 16.70 บาท) BA (แนะนำซื้ออ่อนตัว แนวรับ 13.40/13.00 บาท และจุด Stop Loss ที่ 12.70 บาท)

+ หุ้นได้ประโยชน์จากการยกเลิกการกักตัวของจีน: AOT AAV BAFS BA

+ หุ้นกลุ่ม Reopening ที่มีแนวโน้มกำไรโดดเด่น: CENTEL ERW SHR BCH

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: CPALL CRC SNNP HMPRO GLOBAL

 

ปัจจัยบวก

+ Tourism Sector: ททท. เพิ่มเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2023 เป็น 25 ล้านคน หลังจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด ส่งผลให้ Consensus อื่น ๆ มีแนวโน้มปรับสมมติฐานจำนวนนักท่องเที่ยวขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการปรับเพิ่มประมาณการรายได้ กำไรต่อหุ้น และราคาพื้นฐานปี 2023 สูงขึ้น ของหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง (+หุ้นกลุ่ม Reopening: กลุ่มโรงแรม กลุ่มสายการบิน กลุ่มอาหาร)

 

 

ปัจจัยลบ

- Thailand: ปริมาณการซื้อขายที่มีแนวโน้มลดลงใน 2 วันทำการสุดท้ายของปี 2022 จะเป็นปัจจัยที่จำกัดการปรับขึ้นของ SET Index ส่งผลให้การทดสอบแนวต้านสำคัญที่ 1,651 จุด ทำได้ยากขึ้น

 

ประเด็นสำคัญ

- US: จำนวนผู้รับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ คาดที่ 2.25 แสนราย (สัปดาห์ก่อนอยู่ที่ 2.16 แสนราย); รายงานสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ คาดลดลง -1.52 ล้านบาร์เรล (สัปดาห์ก่อน -5.89 ล้านบาร์เรล)

- Thailand: การครบกำหนดอายุตราสารอนุพันธ์สัญญำเดือน ธ.ค. (ต่ำงชำติมียอดสะสม Short SET50 Futures สัญญำเดือน ธ.ค. สูงถึง 9.7 หมื่นสัญญำ

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเป็นวันที่ 6: ตลาดหุ้นไทยอยู่ในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน โดยทำจุดสูงสุดที่ 1,649.42 จุด ก่อนอ่อนตัวลงเล็กน้อย ปิดที่ 1,647.28 จุด +4.12 จุด วอลุ่มซื้อขาย 4.7 หมื่นล้านบาท นำบวกโดยกลุ่มการแพทย์ +1.02% กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +0.94% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค +0.39% และกลุ่มธนาคาร +0.36% หุ้นบวก >4% WHA BRR CRANE BIOTEC NER MVP NCAP KWI Q-CON MENA หุ้นลบ >4% JTS META ACAP PPPM TWZ AMARIN KKC

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ส่วนหุ้นยุโรปปิดคละ: DJIA -1.1% S&P500 -1.2% NASDAQ -1.35% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากหลายปัจจัย ทั้งจากความกังวลถึงเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น หลังจากจีนเปิดประเทศ และตัวเลข pending home sales เดือน พ.ย. ลดลง 4.0% MoM เป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยหุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มเทคโนโลยี ส่วนหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 -0.61% DAX -0.50% FTSE +0.32% นำลงจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินมาตรการต่าง ๆ ของจีนที่จะเปิดเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ระบาด

 

 

 

- น้ำมันดิบสหรัฐฯ และทองคำปิดลบ: WTI-57 เซนต์ ปิดที่ USD78.96/บาร์เรล Brent -USD1.07 ปิดที่ USD83.26/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลว่าจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในประเทศ ส่วนราคาทองคำ -USD7.30 ปิดที่ USD1,815.80/ออนซ์ จากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แม้จะมีข่าวดีกองทุน SPDR Gold Trust เพิ่มการถือครองทองคำ 0.6% สู่ระดับ 918.51 ตัน

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: รมว.คมนาคม เผยเตรียมผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ให้ที่ประชุมครม. พิจารณาในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ. 2023 ส่วนผลงานในปี 2022 มี 167 โครงการ สามารถดำเนินการแล้วเสร็จ 61 โครงการ อยู่ระหว่างดำเนินการ 64 โครงการ และอยู่ในช่วงจัดทำแผนงานหรือออกแบบ 42 โครงการ

+ US: NAR เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยลดลง -4.0% MoM ในเดือน พ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีลดลงเพียง -0.8% MoM ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ดัชนีทรุดตัวลง -37.8% YoY ในเดือ พ.ย. โดยการทำสัญญาขายบ้านได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

+ China: ผลสำรวจจากสภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของจีน เผยบริษัทต่างชาติส่วนใหญ่ในจีนสนับสนุนแนวทางการปรับปรุงความเหมาะสมของการรับมือ COVID-19 ของจีน และเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจจีนในปี 2023

+/- Japan: ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยรายงานสรุปมุมมองเศรษฐกิจจากการประชุมประจำเดือน ธ.ค. ระบุว่า กรรมการ BOJ ได้เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ (Ultra-low Interest Rates) แต่ได้มีการหารือกันถึงความเป็นไปได้ที่ว่าค่าจ้างที่สูงขึ้น อาจจะช่วยขจัดความเสี่ยงที่ญี่ปุ่นจะกลับไปเผชิญกับภาวะเงินฝืด

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: SAWAD KTC CPN

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: SHR BCH BA

Derivatives: รอเปิด Long S50H23 เก็งกำไรเมื่อทะลุ 1,000 จุด