Sideways Up เก็งกำไร KBANK SNNP AWC (28 ธ.ค. 2565)

Sideways Up เก็งกำไร KBANK SNNP AWC (28 ธ.ค. 2565)

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวต้าน 1,651/1,660 จุด แนวรับ 1,638/1,630 จุด แนะนำ เก็งกำไร KBANK SNNP AWC เพื่อไปรอขายที่แนวต้าน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสัญญาณทางเทคนิคยังคงเป็นแนวโน้มขาขึ้น รูปแบบ U-Shape

โดยมีเป้าหมายที่ 1,651 จุด แรงซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีช่วงโค้งสุดท้ายของปี และปัจจัยต่างประเทศ คาดมีปัจจัยบวกจากรายงานตัวเลข US Pending Home Sales เดือน พ.ย. ที่ตลาดคาดลดลงต่อเนื่อง (คาด -32% YoY Vs เดือน ต.ค. -37% YoY) ช่วยเพิ่มโอกาสที่เฟดจะชะลอเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ (+หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มอิงการเปิดประเทศ KTX Big Cap Portfolio แนะนำ AOT CPN MINT CENTEL)

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: AWC BGRIM CK CENTEL GLOBAL BH BEM CPALL AOT BBL LH KKP CPN MINT KTB TTB BDMS

+ Daily Recommendations: KBANK (แนะนำ Follow Buy โดยมีแนวต้านที่ 148.50 บาท และจุด Stop Loss ที่ 143.50 บำท) SNNP (Follow Buy หลังจากราคาหุ้นสร้าง Reversal Pattern บริเวณ 18.80 บาท แนวต้าน 20.70 บาท Stop Loss 19.10 บาท) AWC (Follow Buy หลังราคาปิดเหนือ Downtrend Channel โดยมีแนวต้าน 6.45 บาท และ Stop Loss ที่ 6.05 บาท)

+ หุ้นได้ประโยชน์จากการยกเลิกการกักตัวของจีน: AOT AAV BAFS

+ หุ้นกลุ่ม Reopening ที่มีแนวโน้มกำไรโดดเด่น: CENTEL ERW SPA

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: CPALL CRC SNNP HMPRO GLOBAL

 

ปัจจัยบวก

+ กลุ่มท่องเที่ยว: Trip.com Group เปิดเผยว่า ชาวจีนเริ่มเร่งวางแผนเดินทางต่างประเทศ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในช่วงปลายเดือน ม.ค. ปีหน้า โดยยอดการค้นหาเที่ยวบินขาออกจากจีนไปยังต่างประเทศพุ่งแตะระดับสูงสุดรอบ 3 ปี ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง นับจากที่รัฐบาลจีนประกาศ โดยไทยอยู่อันดับที่ 2 จาก 10 อันดับแรก ของจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวจีน

 

 

 

ปัจจัยลบ

- ไทย/กลุ่มส่งออก: กระทรวงพาณิชย์ รายงานดุลการค้าเดือน พ.ย. ขาดดุลเป็นเดือนที่ 8 และสูงกว่าคาด -USD1.34bn. (Vs คาด -USD0.2bn. และเดือน ต.ค. ขาดดุล -USD0.6bn.) โดยส่งออกปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 2 -6% YoY (Vs คาด -5.2% YoY และเดือน ต.ค. -4.4% YoY) เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ขณะที่นำเข้าพลิกกลับมาเพิ่มขึ้น +5.6% YoY (Vs คาด -0.8% YoY และเดือน ต.ค. -2.1% YoY) สำหรับแนวโน้มเดือน ธ.ค. 2022 คาดขาดดุลต่อเนื่อง อิงประมาณการของสภาพัฒน์ปี 2022E คาดขาดดุล -USD19.1bn. ส่งออก +7.5% YoY นำเข้า +17.8% YoY

 

ประเด็นสำคัญ

- Japan: BOJ Summary of Opinions

- US: รายงาน Pending Home Sales เดือน พ.ย. คาด -1% MoM, –32% YoY (Vs เดือน ต.ค. -4.6% MoM, –37% YoY)

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเป็นวันที่ 5: ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ 1,639.89 จุด +16.36 จุด ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ด้วยวอลุ่มซื้อขายสูงขึ้นเป็น 5.3 หมื่นล้านบาท โดยดัชนีฯ อยู่ในแดนบวกตลอดการซื้อขาย รับข่าวดีที่จีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 2023 เป็นต้นไป นำขึ้นโดยกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +2.53% ธุรกิจการเกษตร +2.24% ขนส่งและโลจิสติกส์ +2.09% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +1.64% การแพทย์ +1.1% หุ้นบวก >4% AAV TEAM SGC TH EKH SPA SNNP BRR TKT ASAP RP

+/- น้ำมันดิบสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนทองคำปิดบวก: WTI -3 เซนต์ ปิดที่ USD79.53/บำร์เรล BRENT +41 เซนต์ ปิดที่ USD84.33/บาร์เรล หลังมีรายงานว่าโรงกลั่นน้ำมันบางส่วนในสหรัฐฯ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง หลังจากที่ปิดทำการไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากผลกระทบของพายุหิมะ ส่วนราคาทองคำพุ่งแรง +USD18.90 ปิดที่ USD1,823.10/ออนซ์ หลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า

 

 

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดคละ ส่วนหุ้นยุโรปปิดบวก: DJIA +0.11% S&P500 -0.40% NASDAQ -1.38% ดัชนี Nasdaq ร่วงแรง เนื่องจากการพุ่งขึ้นของ US Bond Yields เป็นปัจจัยกดดันหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคฯ ขณะที่หุ้นเทสลา ทรุดตัวลง -11.41% หลังจากบริษัท เทสลา ประกาศลดการผลิตรถยนต์ในโรงงานเซี่ยงไฮ้ ส่วนหุ้นยุโรปปิดบวก CAC40 +0.70% DAX +0.39% เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกฟื้นตัว หลังจากจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 นำบวกโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ หุ้นหลุยส์วิตตอง, หุ้นเคอริง และหุ้นริชมอนต์ ซึ่งพุ่งขึ้น 1.7-2.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าส่วนบุคคลและครัวเรือน ปรับตัวขึ้น 0.9%

 

ประเด็นสำคัญ

+ Thailand: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง โดยคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) และกรอบเงินเฟ้อ ในปีงบประมาณ 2024-27 ดังนี้

Sideways Up เก็งกำไร KBANK SNNP AWC (28 ธ.ค. 2565)

+ US: ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ราคาบ้านในสหรัฐฯ ได้ชะลอตัวในเดือน ต.ค. ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น +9.2% YoY ในเดือน ต.ค. แต่ต่ำกว่าระดับ +10.7% YoY ในเดือน ก.ย. ขณะที่เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนีราคาบ้านลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านชะลอตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง ตามการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

- US: เทสลา อิงค์ บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศลดการผลิตรถยนต์ในโรงงานเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของเทสลา หลังพบพนักงานติดเชื้อ COVID-19 จำนวนมาก ทั้งนี้ เทสลาจะผลิตรถยนต์ในอัตราที่ลดลงในโรงงานดังกล่าวในช่วงวันที่ 3-19 ม.ค. 2023 ก่อนที่จะยุติการผลิตในช่วงวันที่ 20-31 ม.ค. 2023 ซึ่งตรงกับเทศกาลตรุษจีน

- Russia: ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ลงนามในกฤษฎีกาห้ามการจัดส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันให้แก่ชาติที่เข้าร่วมในการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.-1 ก.ค. 2023 โดยรัสเซียจะห้ามส่งออกน้ำมันดิบต่อชาติดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2023 ส่วนผลิตภัณฑ์น้ำมันจะมีการกำหนดเวลาหลังจากนั้น

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: SAWAD KTC CPN

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KBANK SNNP AWC

Derivatives: เปิด Long S50H23 เก็งกำไรเมื่อทะลุ 1,000 จุด