‘คิม-เอกภัทร พรประภา’  โต้ลั่นปมหุ้น MORE ย้ำชัด “ผมไม่ใช่โจร”

‘คิม-เอกภัทร พรประภา’  โต้ลั่นปมหุ้น MORE ย้ำชัด “ผมไม่ใช่โจร”

‘คิม-เอกภัทร พรประภา’ ออกโรงแจงชัด ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องคดีหุ้น MORE  โต้ลั่นไม่ได้ร่วมโกงโบรกเกอร์ พร้อมระบุรู้จักกับ ‘ปิงปอง - อภิมุข บำรุงวงศ์’ ไม่ถึงครึ่งปี ย้ำเงินทุกบาทได้มาโดยบริสุทธิ์ ส่วนรถหรู - นาฬิกาแพง ผมเกิดมาพร้อมกับของพวกนี้อยู่แล้ว

เงียบหายไปร่วม 2 เดือนนับตั้งแต่เกิดคดีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE สำหรับ ‘คิม-เอกภัทร พรประภา’ ทายาทรุ่นที่ 4 แห่งตระกูลพรประภา ซึ่งมีรายชื่อเข้าไปพัวพันกับการซื้อขายหุ้นดังกล่าว ร่วมกับ ‘ปิงปอง-อภิมุข บำรุงวงศ์’

ล่าสุด เอกภัทร ออกมาให้สัมภาษณ์แบบเปิดใจผ่านช่อง PBSupercarPhotography ทาง Youtube ซึ่งเป็นช่องที่นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับรถยนต์ซูเปอร์คาร์ และไฮเปอร์คาร์ โดย คิม ย้ำชัดเจนว่า ตัวเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการกระทำของ อภิมุข ที่ถูกกล่าวหาว่าโกงโบรกเกอร์ 

เอกภัทร กล่าวว่า เขาเพิ่งรู้จักกับ อภิมุข ได้ไม่นาน ไม่น่าจะเกิน 6 เดือน โดยครั้งแรกเจอกันในงานที่พัทยา และเคยไปร่วมแสดงความยินดีกับอภิมุข ในงานออกรถใหม่เท่านั้น หลังจากนั้นก็มาเจอกันที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งคราว แต่ไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันมาก 

“เขาโทรศัพท์มาก็ไม่ได้รับ จนได้นัดเจอกัน คุยกันเกี่ยวกับเรื่องซูเปอร์คาร์ ไฮเปอร์คาร์ รู้จักกันไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ก็เพิ่งรู้ว่าเป็นพวก 18 มงกุฎ เป็นพวกสาลิกาลิ้นทอง อยากขอให้ทุกคนให้ความเป็นธรรมกับผม ตอนนี้กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น”

นอกจากนี้ เอกภัทร ยังกล่าวย้ำว่า เงินทุกบาทที่เขาได้มา เป็นการได้มาโดยบริสุทธิ์ทั้งสิ้น ทุกอย่างคือ การลงทุน ไม่จำเป็นต้องไปโกงใคร ที่ผ่านมามีแต่โดนคนอื่นโกง และผู้บริหารโบรกเกอร์หลายคนก็เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกัน บางโบรกเกอร์ก็มีความสัมพันธ์กับตระกูลพรประภา มาหลายรุ่น ขอยืนยันว่าโดยส่วนตัวไม่ได้ทำอะไรผิด และหลังจากนี้จะไม่หลบซ่อนเพราะไม่ได้ทำผิด

“ผมคิดได้หลังจากทีมงานผมมาพูดว่า เราไม่ได้ทำอะไรผิดจะซ่อนตัวทำไม เงินผมที่ได้มาบริสุทธิ์หมด ทุกอย่างคือ การลงทุน ผมไม่มีความคิดแบบทรชนในการทำเรื่องพวกนี้ ไม่จำเป็นต้องไปโกงโบรกเกอร์”

เอกภัทร ยังบอกด้วยว่า ถ้าเห็นมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้านั่นคือ ธุรกิจของเขา ตัวเขาคือ พรประภารุ่นที่ 4 ซึ่งพรประภาไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว ส่วนเงินที่เขาได้มาแล้วนำไปซื้อรถหรูซูเปอร์คาร์จำนวนมาก ก็มาจากธุรกิจของเขา มาจากเงินปันผลที่ได้รับ ทุกอย่างตรวจสอบได้หมด

“บางคนบอกว่า คิม อย่าใส่นาฬิกาแพง อย่าใช้รถแพง  ช่วงนี้ต้องเก็บตัว ผมบอกเลยว่า ของพวกนี้ผมมีมานานแล้ว ผมเกิดมาพร้อมกับของพวกนี้ ผมไม่ต้องไปโกงใคร มีแต่โดนคนอื่นโกง” เอกภัทร กล่าวและว่า “ถามว่าผมใช้เงินของพ่อใช่หรือไม่ ถูกต้อง ผมใช้เงินคุณพ่อ ใช้เงินคุณปู่ ใช้เงินคุณทวด  แต่ผมดูแลต่อ และหาเพิ่มได้ ส่วนหลังจากนี้จะสะดุดหรือไม่ ไม่รู้ เพราะตอนนี้ผมกำลังตกเป็นจำเลยสังคม”

เอกภัทร ยังกล่าวด้วยว่า หากใครไม่พอใจให้มาถามตรงๆ ให้มาด่าต่อหน้า เพราะทุกอย่างตรวจสอบได้หมด อย่าอยู่หลังคีย์บอร์ด เพราะมันไม่เท่ ส่วนที่มีคนกล่าวหาว่าตัวเขาไปโกงโบรกเกอร์ ก็อยากให้มาถามตรงๆ เช่นกัน จะได้บอกชัดๆ ว่า โกงโบรกเกอร์จริงหรือไม่ 

นอกจากนี้เขายังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “ผมไม่ใช่โจร ไม่หลบไม่ซ่อน”

สำหรับคดีหุ้น MORE สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ย.2565 มีวอลุ่มปริศนาที่มีการซื้อขาย MORE ในช่วงราคาเปิด(ATO) จำนวนกว่า 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,500 ล้านบาท ที่ราคาหุ้นละ 2.9 บาท ซึ่งต่อมาทราบว่า ผู้ส่งคำสั่งซื้อหุ้นดังกล่าวมีเพียงคนเดียว คือ ปิงปอง-อภิมุข บำรุงวงศ์ โดยเป็นการซื้อผ่านโบรกเกอร์รวมกว่า 10 แห่ง แต่สุดท้าย อภิมุข ไม่สามารถชำระค่าซื้อหุ้นดังกล่าวได้ ทำให้โบรกเกอร์ต้องเป็นผู้ชำระค่าซื้อหุ้นเหล่านั้นแทน 

ส่วนฝั่งผู้ขายพบว่า มีผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องราว 20 นาย หนึ่งในนั้นมี ‘คิม-เอกภัทร พรประภา’ ปัจจุบันคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนจากทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์