ศาลบาฮามาส "ไม่ให้ประกันตัว" อดีตเจ้าของ FTX หวั่นหลบหนีออกนอกประเทศ

ศาลบาฮามาส "ไม่ให้ประกันตัว" อดีตเจ้าของ FTX หวั่นหลบหนีออกนอกประเทศ

ศาลบาฮามาสไม่ให้ประกันตัว อดีตเจ้าของ FTX หวั่นหลบหนีออกนอกประเทศ หลังอ้างได้รับความทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้า และการนอนไม่หลับ ต้องถูกควบคุมตัวถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566

เว็บไซต์ cointelegraph.com รายงานว่าแหล่งข่าวในท้องถิ่น เผยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.65 ว่าทนายความของ แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ หรือ SBF ได้ขอประกันตัวในศาลบาฮามาส หลังจากที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.65โดยอยู่ระหว่างการร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากทางการสหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากประธานผู้พิพากษา จอยแอนน์ เฟอร์กูสัน-แพรตต์(JoyAnn Ferguson-Pratt) หัวหน้าผู้พิพากษากล่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ว่า SBF มีสิทธิขอประกันตัว

ตามคำขอระบุว่า ผู้บริหารวัย 30 ปีได้รับความทุกข์ทรมานจาก “ภาวะซึมเศร้า” และ “การนอนไม่หลับ” และเค้าไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และไม่ได้หลบหนีจากบาฮามาส แม้มีโอกาสที่สามารถทำได้

ดังนั้นทนายความของ SBF ยังอ้างด้วยว่าลูกความของเขาไม่ได้รับประทานยา  “Adderall” และ “ยาต้านอาการซึมเศร้า” ตั้งแต่เขาถูกจับกุม และ SBF ไม่คัดค้านการตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์หรือการมารายงานตัวกับตำรวจท้องที่หากได้รับการประกันตัว

อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาปฏิเสธคำร้องขอประกันตัวของ SBF โดยเน้นที่ “ความเสี่ยงในการหลบหนีออกจากประเทศ” และสั่งให้ SBF ถูกควบคุมตัวไว้ที่ Bahamas Department of Corrections ไปจนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565

อัยการสหรัฐ ฟ้อง SBF 8 ข้อหา เสี่ยงติดคุกสูงสุดถึง 115 ปี

คำฟ้องต่อ SBF ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ซึ่งลงนามโดย เดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐประจำเขตทางตอนใต้ของนิวยอร์ก มีความยาว 14 หน้า และมีความผิดทั้งหมด 8 กระทง นายแบงค์แมน-ฟรีดจะถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลานานถึง 115 ปี

ข้อหาที่ระบุไว้ในคำฟ้องคือ "สมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์กับลูกค้า, การฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์กับลูกค้า, การสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ต่อผู้ให้กู้, การฉ้อโกงผ่านการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ต่อผู้ให้กู้, การสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์, การสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงหลักทรัพย์, การสมรู้ร่วมคิดในการ กระทำการฟอกเงินเพื่อฉ้อโกงสหรัฐอเมริกา และละเมิดกฎหมายการเงินการหาเสียง"

นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องริบ “ทรัพย์สินใดๆ และทั้งหมด ทั้งที่เป็นของจริง และส่วนบุคคล ที่ประกอบขึ้นหรือได้มาจากรายได้ที่สามารถสืบย้อนไปถึงการกระทำความผิดดังกล่าวได้” หากเป็นไปไม่ได้ สหรัฐ จะ “ขอริบทรัพย์สินอื่นใดของจำเลยตามมูลค่าของทรัพย์สินที่ยึดได้ข้างต้น”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์