Sideways Down ซื้อเก็งกำไร KBANK BBL CRC

Sideways Down ซื้อเก็งกำไร KBANK BBL CRC

คาดดัชนีฯ Sideways Down แนวต้าน 1,630/1,635 จุด แนวรับ 1,611 (EMA 50 สัปดาห์)/1,600 จุด แนะนำ ซื้อเก็งกำไร KBANK BBL CRC ทางเทคนิค เริ่มเห็นสัญญาณบวก หลังจากวานนี้ดัชนีฯ รีบาวนด์ จากแนวรับสำคัญที่ 1,611 จุด พร้อมวอลุ่มซื้อขายที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีฯ ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวไร้ทิศทาง หากไม่สามารถปิดเหนือ 1,630 จุด ได้ โมเมนตัมการลงทุนวันนี้คาดเป็น Negative หลังจากครม. อนุมัติหลักการเก็บภาษีขายหุ้น 0.11% ไฮไลท์วันนี้ คือ ผลประชุมกนง. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย +0.25% เป็น 1.25%; US: สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell ที่ Brooking Institution, สุนทรพจน์ Fed Governor Bowman, Cook; 3Q22E GDP Growth ครั้งที่ 2 คาด +2.7% QoQ (Vs 2Q22 -0.6% QoQ); ADP Employment Change เดือน พ.ย. คาดลดลงเป็น 200k (Vs เดือน ต.ค. 239k); MSCI Rebalance มีผลต่อราคาปิดวันนี้ (น้ำหนักหุ้นไทยลดลง -0.03%); China: NBS รายงาน PMI ภาคผลิตเดือน พ.ย. คาดลดลงเป็น 49 (Vs เดือน ต.ค. 49.2) และบริการเดือนเดือน พ.ย. คาดดีขึ้นเป็น 49 (Vs เดือน ต.ค. 48.7); EU: CPI เดือน พ.ย. คาดลดลงเป็น +10.4% YoY (Vs เดือน ต.ค. +10.6% YoY)

 

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ

+ KTX Portfolio: พอร์ต Big Cap แนะนำ CRC AWC CK BEM AOT BBL EA PTG CPN MINT KTB TTB BDMS PLANB (ซื้อ CPALL)

+ Daily Recommendations: KBANK BBL (โมเมนตัมเชิงบวกระยะสั้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ย +0.25% สู่ระดับ 1.25% ของไทย) CRC (ปัจจัยบวกจากการใช้จ่ายที่เร่งตัวขึ้นในช่วงเทศกาล World Cup 2022 และช่วงวันหยุดยาวในเดือน ธ.ค. 2022)

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022: CRC HMPRO BJC MAKRO CPALL OSP

+ หุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ: ERW CENTEL AWC AOT AAV BA BAFS CPALL CRC SNNP

+ หุ้นที่คาดว่าจะถูกเพิ่มคำนวณ SET50 Index งวด 1H23E: DELTA RATCH COM7

+ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากงาน Motor Expo ในวันที่ 1-12 ธ.ค.: TTB SCB AH SAT

 

 

 

ปัจจัยลบ

- MSCI Rebalance: มีผลต่อราคาปิดวันนี้ โดย 1. MSCI Global Standard Index ถอด BAM (คาดมีแรงขาย -USD44mn) และลดน้ำหนักหุ้นรายตัว USD2-5mn CPALL PTT AOT BDMS PTTEP SCC ADVANC DELTA EA  2. MSCI Global Small Cap Index เพิ่ม BAM (ย้ายมาจาก Global Standard Index) ERW JWD NEX RAM และถอด PSG SYNEX  3. MSCI Minimum Volatility Index เพิ่ม AWC (+USD35mn) CRC (+USD29mn) และเพิ่มน้ำหนักหุ้น OSP(+USD9mn)

- กนง.: ผลประชุมวันนี้ KTX มีมุมมองสอดคล้องกับตลาดว่ากนง. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป 0.25% เป็น 1.25% และจะปรับขึ้นต่อเนื่องในปี 2023E อีก 0.75% เป็น 2.0% ภายใต้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อไทยรายไตรมาสปี 2023E จะลดลงมาที่ 4.4% YoY, 2.8% YoY, 2.2% YoY และ 1.9% YoY ตามลำดับ

- ภาษีขายหุ้น: ครม. รับหลักการเก็บภาษีหุ้น 0.11% โดยเริ่มใช้ปีแรกเพียงครึ่งหนึ่ง 0.055% และให้เวลาเตรียมตัว 3 เดือน

 

ประเด็นสำคัญ

- Thailand: Opportunity Day: HL NCH BYD BGRIM SGP SAT PDJ; ผลประชุมกนง. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25%; ดุลบัญชีเดินสะพัดเดือน ต.ค. คาด +USD1.4bn. (Vs เดือน ก.ย. +USD0.6bn.)

- US: สุนทรพจน์ประธานเฟด Powell ที่ Brooking Institution, สุนทรพจน์ Fed Governor, Lisa D. Cook; 3Q22E GDP Growth ครั้งที่ 2 คาด +2.7% QoQ (Vs 2Q22 -0.6% QoQ); ADP Employment Change เดือน พ.ย. คาดลดลงเป็น 200k (Vs เดือน ต.ค. 239k)

- MSCI Rebalance: มีผลต่อราคาปิดวันนี้ (น้ำหนักหุ้นไทยลดลง -0.03%)

- China: NBS รายงาน PMI ภาคผลิตเดือน พ.ย. คาดลดลงเป็น 49 (Vs เดือน ต.ค. 49.2) และบริการเดือน พ.ย. คาดดีขึ้นเป็น 49 (Vs เดือน ต.ค. 48.7)

- EU: CPI เดือน พ.ย. คำดลดลงเป็น +10.4% YoY (Vs เดือน ต.ค. +10.6% YoY)

 

 

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยกลับมาปิดบวก: ตลาดหุ้นไทยปรับตัวต่ำสุดที่ 1,613.87 จุด และพลิกกลับมาสูงสุดของวันในชั่วโมงแรกของการซื้อขายที่ 1,625.67 จุด รับข่าวจีนเตรียมผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ก่อนเคลื่อนไหวออกด้านข้างในกรอบ 1,620-1,625 จุด และปิดตลาดที่ 1,624.39 จุด +7.48 จุด วอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้นเป็น 5.78 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มการแพทย์ +1.33% บรรจุภัณฑ์ +1.25% ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ +1.19% ขนส่งและสาธารณูปโภค +0.75% สื่อและสิ่งพิมพ์ +0.69% ธนาคาร +0.59% หุ้นบวก >4% AURA SIRI THANA KCC VARO หุ้นลบ >4% POLY MORE TKT GLORY

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปิดคละ: DJIA +0.01% S&P500 -0.16% NASDAQ -0.59% หุ้นกลุ่มพลังงานนำขึ้น ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบโลก เพราะ คาดว่าจีนอาจมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน ขณะที่กลุ่มเทคฯ นำลงโดย Apple ร่วงต่อเป็นวันที่ 4 อีก -2.1% รับผลกระทบจากการประท้วงในจีน (ยอดผลิต Iphone ลดลง 6 ล้านเครื่อง ในปีนี้) ขณะที่นักลงทุนกำลังรอสุนทรพจน์วันพุธ (เวลา 1.30 น. วันพฤหัสฯ เวลาไทย) จากประธานเฟด พาวเวล เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 +0.06% DAX -0.19% FTSE +0.51% จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคฯ -1.2% และกลุ่มเคมีภัณฑ์ -1.7% ซึ่งปรับลงมากกว่าการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน +1.8% และเหมืองแร่ +2.7% จากความหวังจีนอาจผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19

+/- ราคาน้ำมันดิบโลกปิดคละ แต่ราคาทองคำปิดบวก: ราคาน้ำมันดิบโลกปิดคละ WTI +96 เซนต์ ปิดที่ USD78.20/บาร์เรล Brent -16 เซนต์ ปิดที่ USD83.03/บาร์เรล จากการคาดว่าอุปสงค์น้ำมันดิบโลกฟื้นตัว หลังจากจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 อันเข้มงวด เช่น ซินเจียง เปิดตลาดสดและให้ธุรกิจกลับมาเปิดได้ในสัปดาห์นี้ สำหรับท้องที่ที่มีการแพร่ระบาดต่ำ ปักกิ่งยกเลิกตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอะพาร์ตเมนต์ที่มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ส่วนราคาทองคำปิด +USD8.40 ปิดที่ USD1,763.70/ออนซ์ จากคาดว่าเฟดจะชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดเงินเฟ้อ

 

ประเด็นสำคัญ

- Russia: ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียตัดสินใจยกเลิกการเจรจาข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ "New START" กับทางสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเจรจาที่กรุงไคโรวานนี้ หลังจากที่ถูกระงับไปในเดือน มี.ค. 2020 อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19

- US: ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับ 100.2 ในเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน แต่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 102.2 ในเดือน ต.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

- EU: ที่ประชุม EU ไม่สามารถบรรลุฉันทามติเกี่ยวกับการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย เนื่องจากสมาชิก EU ยังคงมีความเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้ EU ต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น ด้วยการประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมดจากรัสเซียเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. และระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั้งหมดจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2023 ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดน้ำมันโลก

- Thailand: ครม. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอในการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะ จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะกลับไปเก็บภาษีในอัตรา 0.11% ตามกฎหมายเดิม หลังจากยกเว้นให้มานาน โดยในปีแรกจะจัดเก็บในอัตราเพียงครึ่งหนึ่งหรือ 0.055% และให้เวลาเตรียมตัว 3 เดือน ก่อนเริ่มเก็บจริง

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: TIDLOR GULF TOP

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: KBANK BBL CRC

Derivatives: รอเปิด Long S50Z22 เมื่ออ่อนตัว