อุ้มค่าไฟกดดัน ‘หุ้น ปตท.’ โบรกเกอร์ประเมินกำไรปีหน้าส่อร่วง

อุ้มค่าไฟกดดัน ‘หุ้น ปตท.’  โบรกเกอร์ประเมินกำไรปีหน้าส่อร่วง

“ปตท.” แจง อยู่ระหว่างพิจารณาจ่ายเงินอุดหนุนค่าไฟอย่างรอบคอบ “บล.ยูโอบีฯ” ชี้ หากจ่าย 6 พันล้านบาท กระทบกำไรปีหน้าลดลง 6% จาก 9.6 หมื่นล้านบาท - ราคาหุ้นวูบ 6.24 บาท จากราคาเป้าหมายปีหน้า 42.40 บาท "บล.ซีจีเอส - ซีไอเอ็มบี" ปรับ ลดคำแนะนำเหลือถือ - หั่นราคาหุ้นเป้าหมายเหลือ 35 บาท 

นายธนพล ประภาพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)หรือ PTT เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)ได้ขอความร่วมมือจาก ปตท. ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ 1.5 พันล้านบาทต่อเดือน  จำนวน 4 เดือน (ตั้งแต่เดือนม.ค. – เม.ย.2566) รวม 6 พันล้านบาทนั้น  เนื่องจาก ปตท. เป็นบริษัทพลังงานของชาติ และเป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งจะต้องดำเนินการที่คำนึงผู้มีส่วนได้เสีย (stakeholders)ทุกฝ่าย ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอย่างรอบคอบ

     ส่วนทิศทางราคาน้ำมันในปีหน้าคาดปรับตัวลดลง เนื่องจาก เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิดของจีน ส่งผลให้กำลังซื้อลดลง โดยคาดราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 85-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีนี้คาดอยู่ที่ 96-101 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล, ราคาก๊าซปรับตัวลดลงที่114-119 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปีนี้คาด 130-135 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และค่าการกลั่นสิงคโปร์ ลดลงเหลือ 7.3-8.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากคาดปีนี้ ที่ 9.6-10.6 ดอลลาร์บาร์เรล

    นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า  หาก ปตท.มีการจ่ายเงินอุดหนุนค่าไฟฟ้า 6 พันล้านบาท   คาดกำไรปีหน้าจะลดลง 6% จากที่ฝ่ายวิจัยคาดไว้ที่ 9.6 หมื่นล้านบาท  และมีผลกระทบต่อราคาหุ้นลดลง 6.24 บาท หรืออยู่ที่ 39.79 บาท จากราคาเป้าหมายปีหน้า 42.40 บาท 

     ทั้งนี้ยังมีความกังวลว่าระยะเวลาในการช่วยเหลือจะมากกว่า 4 เดือนหรือไม่ หากราคาก๊าซยังไม่ปรับตัวลง ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังกดดัน   โดยฝ่ายวิจัยกำลังติดตามเรื่องนี้ หากมีความชัดเจนมากขึ้น อาจจะมาพิจารณาปรับประมาณการกำไร และราคาเป้าหมายอีกครั้ง 

    สำหรับนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในหุ้น ปตท.นั้นนักลงทุนควรที่จะพิจารณา ที่ราคาหุ้นมีอัพไซด์ประมาณ 20-25% จากราคาเป้าหมายของโบรกเกอร์ที่ให้ไว้ และมากกว่าหุ้นตัวอื่นที่จะมีอัพไซด์ 15% เพราะ ปตท.มีความเสี่ยงในเรื่องของการช่วยภาครัฐอุดหนุนราคาพลังงานจากที่เป็นบริษัทพลังงานของชาติ

     นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มน้ำมันที่ปรับตัวลงวานนี้  โดยเฉพาะหุ้น ปตท. มาจาก 2 ปัจจัย คือ  ราคาน้ำดิบโลกที่ปรับตัวลงแรง 2% และราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าลง 3% ณ 15.40 น. วานนี้อยู่ที่ 73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งต่ำสุดของปีนี้ และต่ำสุดในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.2564 เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดที่ประเทศจีน มีผู้ติดเชื้อสูงขึ้น และทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 5 วันที่ผ่านมา ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นที่ 4 หมื่นคนต่อวัน

    ส่วนปัจจัยที่ 2 คือ กพช. ได้ขอความร่วมมือจาก ปตท.ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ประมาณ 1.5 พันล้านบาทต่อเดือน ระยะเวลา 4 เดือน (ตั้งแต่เดือนม.ค. – เม.ย. 2566) รวม 6 พันล้าน ซึ่งจะฉุดกำไรปีหน้าของ ปตท.

สำหรับไตรมาส 4 ปีนี้ คาด ปตท.จะมีผลขาดทุนสต็อกน้ำมันไม่สูงเท่ากับไตรมาส 3 ปีนี้ เพราะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่งลดลงมา 3 ดอลลาร์ จากราคาปิด ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 79.5 ดอลลาร์ แต่ต้องติดตามสถานการณ์ในจีนรวมถึงการประชุมของกลุ่มโอเปคพลัส ในวันที่ 4 ธ.ค. 2565 จะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มหรือไม่ โดยฝ่ายวิจัยคาดราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปีนี้อยู่ที่ 103 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งตั้งแต่ต้นปีนี้ ถึงปัจจุบันเฉลี่ยที่ 95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และปีหน้าอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนปี 2567 อยู่ที่ 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลักๆ ก็มาจากประเด็นเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย

      ส่วนผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ ของ ปตท.ยังคาดการณ์ยาก เพราะมีบางธุรกิจที่ดี และบางธุรกิจไม่ดี  โดย ฝ่ายวิจัยปรับลดคำแนะนำหุ้น PTT เหลือถือ และให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 35 บาท จากเดิม 38.50 บาท

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์