BGRIM ทางออกคือต้อง…สู้กลับ! (24 พ.ย. 2565)

BGRIM ทางออกคือต้อง…สู้กลับ! (24 พ.ย. 2565)

มุ่งสร้างการเติบโตระยะยาว และมีแผนจะเข้าซื้อกิจการอื่นเพิ่มอีก

ข้อมูลที่เราได้จากการประชุมอยู่ในเชิงบวกเล็กน้อยจากแนวโน้มการฟื้นตัวของกำไรใน 4Q65 บริษัทยังคงย้ำเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งเป็น 7,200MW ในปี 2568 (จากปัจจุบันที่ 4,035MW) (Figure 2) โดยตั้งงบลงทุน (capex) เอาไว้ที่ 1.40 แสนล้านบาท (2565-2566) และไม่มีแผนจะเพิ่มทุน ทั้งนี้ กำลังการผลิตจะมาจากทั้งโครงการ greenfield และโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วทั่ว ASEAN โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการพลังานหมุนเวียน และโครงการที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง นอกจากนี้ BGRIM ยังเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียน 5.2GWh ในประเทศไทยด้วย (คาดว่าจะเป็นพลังงานลม และ solar >500MW) ในขณะที่ยังมีโครงการอื่น ๆ อีกที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา หรือรอการประกาศจากผู้รับซื้อไฟฟ้า (off-takers) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PDP8 (LNG-to-power) ของเวียดนาม ทั้งนี้ BGRIM ก็เหมือนกับบริษัทอื่น ๆ ในกลุ่ม ที่เลื่อนการนำเข้า LNG จากปี 2023 ออกไป เนื่องจากราคา LNG ไม่เอื้ออำนวย

BGRIM ทางออกคือต้อง…สู้กลับ! (24 พ.ย. 2565)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรเพื่อสะท้อนการปรับสมมติฐานราคาก๊าซ และอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB

ผู้บริหารคาดว่าจะมีการปรับขึ้นค่า Ft (ม.ค.-เม.ย. 66) ขึ้นอีก ≥0.6488 บาท/kWh เป็น 1.58 บาท/kWh ซึ่งกรณีนี้และราคาก๊าซ SPP อยู่ที่ 450-480 บาท/mmbtu จะทำให้ EBITDA margin ของ BGRIM ในปี 2566F ดีดตัวกลับขึ้นมาใกล้ระดับปกติ ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักในปี 2565-2567F ขึ้น 10-16% เพื่อสะท้อนถึงค่า Ft ที่สูงขึ้น แม้ว่าราคาก๊าซของ SPP เพิ่มขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยน USD/THB จะลดลง เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักในปี 2566-2567F จะกลับมาเติบโตอย่างเแข็งแกร่งถึง 418% YoY และ 92% YoY ตามลำดับ เนื่องจากราคาก๊าซ SPP ลดลง, ค่า Ft สูงขึ้น, มีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามา และ ประสิทธิภาพการผลิตของโครงการ SPP replacement ห้าโครงการดีขึ้น

 

ประมาณการ 4Q65F – มีแนวโน้มดีเนื่องจากราคาก๊าซของ SPP ลดลง

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มกำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q65 โดยเราคาดว่ากำไรจะดีดตัวขึ้น QoQ เนื่องจากราคาก๊าซ SPP ลดลงในขณะที่ค่า Ft เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 0.9343 บาท/kWh (+0.46) เราคาดว่าราคาก๊าซของ SPP ใน 4Q65F จะลดลงเหลือ ~460-470 บาท/mmbtu (-16-18% QoQ) แม้ว่าจะเผชิญกับปัจจัยลบจากอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าที่ลดลง และค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ BPWHA มีแผนปิดซ่อมบำรุง (98MWe) และต้นทุนดอกเบี้ยยังคงเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ตามผลประกอบการอาจจะพลิกกลับมาเป็นบวก หรือมีผลขาดทุนสุทธิลดลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยน US$/THB

 

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ใหม่ที่ 40 บาท จากเดิมที่ 38 บาท เรามองว่าผลการดำเนินงานมีแนวโน้มสดใสมากขึ้นตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป และกำไรน่าจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566 ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นมาแรงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญด้านบวกที่เราได้จากการประชุมนักวิเคราะห์ยังทำให้เรามั่นใจที่จะแนะนำให้นักลงทุนประเภท risk-lover ซื้อต่อได้

 

Risks

ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย