CK - รอรัฐบาลใหม่ (24 พฤศจิกายน 2565)

CK - รอรัฐบาลใหม่ (24 พฤศจิกายน 2565)

โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโรงไฟฟ้าหลวงพระบางจะทำให้ backlog ของ CK ทำสถิติสูงสุดใหม่ เรายังคงคำแนะนำซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 27.50 บาท

เนื่องจาก 1) backlog มีคุณภาพดี 2) มีโอกาสจะได้งานใหม่เพิ่มอีก และ 3) รายได้จากเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

 

การประมูลงานก่อสร้างอาจถูกเลื่อนออกไปจนถึงหลังเลือกตั้งปี 2023

แม้มีโครงการ megaprojects อีกหลายโครงการคิดเป็นมูลค่ารวม 5.09 แสนล้านบาทที่รอเปิดประมูลอยู่ ขณะที่ CK คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนโครงการอื่น ๆ เราคาดว่าจะล่าช้าออกไปเพื่อรอรัฐบาลใหม่ดำเนินการเปิดประมูลอีกครั้ง

 

คาดว่า Backlog จะสูงถึง 2.5 แสนล้านบาทในปีหน้า

CK มียอด backlog 6.02 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2022 เพิ่มขึ้นจาก 4.59 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2021 เราคาดว่า backlog ของ CK จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ประมาณ 2.50 แสนล้านบาท จาก megaproject สองโครงการ ได้แก่ 1) รถไฟฟ้าสายสีส้มมูลค่า 1.27 แสนล้านบาท และ 2) โรงไฟฟ้าหลวงพระบางมูลค่า 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ภายในสิ้นปีนี้

 

 

 

CK คาดว่ารายได้เฉลี่ยจะอยู่ที่ปีละประมาณ 3 หมื่นล้านบาท

ประมาณการของบริษัทสอดคล้องกับเป้าหมาย backlog ที่ 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 8 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ megaproject บางโครงการ อย่างเช่นรถไฟฟ้าสายม่วงและสายสีส้มจะอยู่ที่ 7-8% ต่ำกว่าสมมติฐานของเราที่ 9% ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (net margin) ของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาจจะอยู่ที่ 3-4%

 

คงคำแนะนำ ซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 27.50 บาท

เราปรับลดประมาณการกำไรปี FY23F ลง 27% เหลือ 2.00 พันล้านบาท หลังจากที่ 1) ปรับลดประมาณการรายได้ปี FY23F ลง 10% เหลือ 2.686 หมื่นล้านบาทจากความล่าช้าในการรับรู้รายได้จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และโรงไฟฟ้าหลวงพระบางซึ่งมีลักษณะเป็น S-Curve 2) ปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นลงจาก 9.5% เหลือ 8.4% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม แต่เรายังคงราคาเป้าหมาย SoTP เอาไว้เท่าเดิมที่ 27.50 บาท เนื่องจากมูลค่าของ CK ในปัจจุบันมาจากมูลค่าหุ้นของบริษัทในลูกเป็นหลัก เรายังคงคำแนะนำซื้อ CK หนุนโดย 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) backlog มีคุณภาพดี 2) มีโอกาสจะได้งานใหม่เพิ่มอีก และ 3) รายได้จากเงินปันผลและส่วนแบ่งกำไรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น