BCPG หลากหลายเรื่องราวใหม่ๆรอการพิสูจน์

BCPG  หลากหลายเรื่องราวใหม่ๆรอการพิสูจน์

บทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ของ Bangchak Corporation (BCP.BK/BCP TB)

ธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นหนึ่งขับเคลื่อนการเติบโตหลักของกลุ่ม BCP นอกจากธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ และโรงกลั่น โดยในส่วนของ BCP คาดว่าในปี 2573 EBITDA ธุรกิจโรงไฟฟ้าจะคิดเป็น ~10% ของ EBITDA รวม (ลดลงจาก 14% ใน 9M65) แม้ว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าของ BCPG จะเป็นหนึ่งในสามธุรกิจหลักของ BCP ที่ตั้งงบลงทุน (CAPEX) ไว้สูงที่สุดในช่วงปี 2566-2573 ซึ่งคิดเป็น 37% ของงบลงทุนรวม (หรือ 7.4 หมื่นลบ.) เราคิดว่าเป็นเพราะ adder ของโรงไฟฟ้า solar หลายโครงการในประเทศไทยทยอยหมดอายุลงโดยที่ยังไม่มีโครงการขนาดใหญ่ใน pipeline ที่จะเข้ามาช่วยชดเชยในตอนนี้

 

เวลาจะพิสูจน์ว่าบริษัทจะสร้างการเติบโตจากโครงการใหม่ๆ ได้แค่ไหน

BCPG มั่นใจกับการเติบโตแบบ inorganic ใน 4Q65-1H66 โดยตั้งเป้าว่าในปี 2573 จะเพิ่มปริมาณผลิตไฟฟ้าเป็น 6,800GWh (จาก 1,100GWh ในปี 2566F) ในขณะที่ ~20-25% ของ EBITDA ในปี 2573 จะมาจากธุรกิจประเภท peripheral และ frontier (สายโซ่อุปทานแบตเตอรี่ และไฮโดรเจน) จากปัจจุบันที่มาจากธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (RE) เต็ม 100% ซึ่งหมายความว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป โดยตลาดที่บริษัทมุ่งเน้นได้แก่ประเทศไทย (พลังงานหมุนเวียน 5.2GWh renewable), เวียดนาม (โรงไฟฟ้าพลังงานลม + solar + น้ำ โดยจะพึ่งพาสายส่งไฟฟ้า) และไต้หวัน (โรงไฟฟ้าพลังงาน solar + ลม + แบตเตอรี่) ทั้งนี้ BCPG มีสภาพคล่องเต็มมือ และยังสามารถจะกู้เพิ่มได้เองอีกถึง 8 หมื่นลบ.หลังจากการเพิ่มทุนรอบที่เพิ่งผ่านมา และมีการขายโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพออกไป

 

 

 

กำไรมีแนวโน้มลดลงในปี 2566-2567F โดยมีสาเหตุสำคัญจากการที่ adder หมดอายุ

เราคาดว่ากำไรหลักจะลดลงในปี 2566-2567F เพราะไม่มีส่วนแบ่งกำไรจากความร้อนใต้พิภพ, adder หลายโครงการหมดอายุลง และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น โดยปี 2566 adder โครงการ BSE-BNN (16MWe) และ BSE-BPH (16MWe) จะหมดอายุในเดือน มี.ค. และ เม.ย. 2566 ตามลำดับ ส่วน Solar farm ไต้หวัน จะทยอยส่งกำไรมาที่ BCPG ตั้งแต่ปี 2566 ก่อนที่จะมีกำไรชัดเจนขึ้นในปี 2568 ทั้งนี้แม้ BCPG จะลดงบลงทุน (capex) ปี 2565 เหลือ 1.4 หมื่นลบ. (จากเดิมที่ 2 หมื่นลบ.) แต่บริษัทคาดว่าจะประกาศดีลใหม่ที่จะเข้าซื้อโครงการที่เกี่ยวข้องกับ platform ของธุรกิจไฮโดรเจนได้ใน 4Q65 และอาจจะขยายธุรกิจแบบ inorganic ได้เพิ่มอีกใน 1H66 เพื่ออุด adder หลายโครงการหมดอายุลง ขณะที่ได้อานิสงส์จากการขึ้นค่า
Ft ด้วย ทั้งนี้ BCPG คาดว่า EBITDA จะโต >20% YoY โดยตั้งงบลงทุนไว้ที่ 3 หมื่นลบ. แต่เราคาดว่า EBITDA ปกติ (ไม่รวมกำไรจากการขาย geothermal) และ EBITDA จะลดลง 4% YoY และ 31% YoY

 

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำถือ BCPG ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 10.40 บาท ถึงแม้ราคาหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะดีดตัวขึ้นแบบยกแผงในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เรายังไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นเฉพาะตัวของ BCPG และยังไม่เห็นแววว่าจะมีการ re-rate หุ้น BCPG ในตอนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทกำลังมองหาการเติบโตใหม่ ๆ และกำลังได้รับผลกระทบจากแนวโน้มกำไรขาลง เราคิดว่ามีเพียงโครงการใหม่ ๆ ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งให้ผลตอบแทนน่าสนใจเท่านั้นที่อาจทำให้เราปรับเพิ่มคำแนะนำได้ในอนาคต

 

Risks

การปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย