CPALL เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (17 พ.ย. 2565)

CPALL เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ (17 พ.ย. 2565)

เราคาดว่า ยอดขายจากร้านสะดวกซื้อ (CVs) จะมีโมเมนตัมฟื้นตัวใน 4Q65F ต่อเนื่องจาก 3Q65 ทั้งนี้ เราเชื่อว่าอานิสงค์จากการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยว (ทั้งไทยและต่างชาติ) และกิจกรรมทางธุรกิจจะเป็นแรงหนุนต่อ SSSG ใน 4Q65

ในขณะที่การขยายช่องทางการกระจายสินค้า (delivery and online) จะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้ารวมได้ดีขึ้น แม้ว่าจำนวนลูกค้าต่อสาขาต่อวันจะยังไม่กลับสู่ระดับปกติในช่วงก่อน Covid-19 (ประมาณ 1,200 คนในปี 2562 เทียบกับ 928 คนใน 3Q65) แต่จำนวนการใช้จ่ายของลูกค้าต่อใบเสร็จยังสูงกว่าในช่วงก่อน Covid-19 (70 บาทต่อใบเสร็จในปี 2562 เทียบกับ 82 บาทใน 3Q65)

 

คาดความสามารถในการทำกำไรดีแต่ยังมีแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสูงขึ้น

เราคาดว่า CPALL จะมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น จากแรงหนุนการกลับมาของกิจกรรมทางธุรกิจและการดำเนินชีวิตได้ตามปกติของประชาชน รวมทั้ง product mix ที่ดีขึ้น เช่น ยอดขายจากสินค้าที่ให้ margin สูงประเภทอาหารพร้อมรับประทาน (Ready To Eat หรือ RTE) และเครื่องดื่ม (Ready To Drink หรือ RTD) จะมีโมเมนตัมฟื้นตัวดีขึ้น โดยได้อานิสงค์จากการที่นักเรียนกลับมาเรียนที่โรงเรียนได้ตามปกติ การกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศและการเดินทาง ขณะที่ ในช่วงฤดูการเดินทางท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นยอดขายสินค้าประเภทของใช้ส่วนบุคคลด้วย นอกจากนี้ CPALL มีการปรับราคาขายสินค้า
ต่อเนื่อง ซึ่งจะได้รับผลบวกเต็มที่ใน 4Q65 อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่น่าติดตามต่อไปคือ บริษัทฯ อาจได้รับแรงกดดันจากต้นทุนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสูงขึ้น ได้แก่ ค่าสาธารณูปโภค ค่าจ้างพนักงานและภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืม โดยที่ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายพนักงานคิดเป็น 2% และ 6% ของยอดขายรวมตามลำดับ

 

 

 

กำไรสุทธิยังเติบโตได้อีก
 

เนื่องด้วยปัจจัยสนับสนุน รวมถึงความสามารถในการควบคุมบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q65 ยังมีแนวโน้มสดใส และ ทำจุดสูงสุดในปี 2565 ด้วย และเราคาดว่ากำไรของ CPALL จะเติบโตต่อเนื่องในปี 2566 ที่ 32% YoY โดยจะได้รับอานิสงค์จากการฟื้นตัวกลับสู่ภาวะปกติหลังจากสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลายลง

 

Valuation

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” CPALL ประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 74.00 บาท อิงจาก PER ที่ 35.0x (ค่าเฉลี่ยในอดีตระหว่าง MAKRO และ CPALL +1.0 S.D)

 

Risk

เศรษฐกิจชะลอตัวลง การขยายสาขาใหม่ได้ช้ากว่าแผนที่วางไว้ disruption จากเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ถูกยกเลิกการใช้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และความเสี่ยงด้าน logistic