นักลงทุนถล่มขาย ‘กลุ่มหุ้น รพ.’ THG นำดิ่ง 6.3% หลังราคาเกินเป้าหมายไปไกล

นักลงทุนถล่มขาย ‘กลุ่มหุ้น รพ.’ THG นำดิ่ง 6.3% หลังราคาเกินเป้าหมายไปไกล

หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลโดนแรงเทขายจากนักลงทุน THG นำดิ่ง 6.3% หลังราคาเกินเป้าหมายไปไกล ขณะที่ไตรมาส 3 ทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะหุ้น BH ที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดกว่า 1,500 ล้านบาท

รายงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลช่วงเช้าวันนี้ (17 พ.ย.65) ร่วงลงเกือบทั้งกลุ่ม โดยเฉพาะ หุ้น THG  ณ เวลา 11.30 น. อยู่ที่ระดับ 70.75 บาท ลดลง -4.25 บาท  หรือ -5.67% สูงสุดที่ระดับ 75.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 70.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 461.08 ล้านบาท

ขณะที่ หุ้น BH อยู่ที่ระดับ 217.00 บาท ลดลง -12.00 บาท  หรือ -5.24 % สูงสุดที่ระดับ 227.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 215.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,059.64 ล้านบาท และ หุ้น BDMS อยู่ที่ระดับ 29.25 บาท ลดลง -1.00 บาท  หรือ -3.31% สูงสุดที่ระดับ 227.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 29.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 956.32 ล้านบาท

 

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์กสิกรไทย เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลวันนี้โดนทั้งกลุ่ม มีมุมมอง 2 ทางคือ กลุ่มโรงพยาบาล ขณะนี้ถ้าดูในราคาเป้าหมายจากข้อมูลของกสิกรไทย เลยเป้าหมายไปหมดแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ หรือ BH

ส่วนหุ้น Defensive อย่างกลุ่มโรงพยาบาลที่มีประสิทธิภาพที่ดีมาตลอดในช่วงที่ผ่านมา ณ ขณะนี้เริ่มโดนแรงเทขายออกมา ซึ่ง BH เพิ่งได้มีการประชุมนักวิเคราะห์ โทนออกแนวไม่บวก เพราะมีความกังวลในงบไตรมาส 4 ที่มีดีมานด์คนป่วยชาวต่างชาติมาจริง แต่มีความกังวลเรื่องบุคลากรทางการแพทย์ หรือเตียงที่อาจจะไม่เพียงพอ เลยเป็นความกังวลที่อาจจะไม่สามารถรับดีมานด์ที่จะเติบโตขึ้น ส่วน BDMS จะมีการประชุมกันในวันพรุ่งนี้

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า ทั้งกลุ่มบำรุงราษฎร์ขึ้นมาจากปีนี้ 130 บาท ขึ้นมาเป็น 200 กว่าบาท ขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้อัพไซด์เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายเริ่มเต็ม และตึงแล้ว  ส่งผลให้กองทุนที่เข้ามาถือหุ้นโรงพยาบาลก็อาจจะทำการเทขายเพื่อปรับพอร์ต

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโส นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไตรมาส 3 ของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลถือว่าเป็นจุดพีคมาก เพราะสามารถทำกำไรได้ดี โดยเฉพาะหุ้น BH ที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดในช่วงไตรมาส 3/65 ที่ผ่านมาได้กว่า 1,500 ล้านบาท ถือว่าเยอะมาเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนโควิดด้วยซ้ำไป ซึ่งอยู่ในกรอบบนมากๆ แล้ว 

โดยในภาพระยะสั้นตลาดเก็งทั้งงบ รวมถึงผู้ป่วยต่างชาติที่มีดีมานด์กลับมาค่อนข้างเยอะ ปีนี้ด้วยนักท่องเที่ยวยังคงกลับเข้ามาเรื่อยๆ ยังคงต้องรอนักวิเคราะห์เพื่อยืนยันจากฝั่งผู้บริหารอีกครั้ง นอกจากนี้ช่วงที่ผ่านมามีการเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวค่อนข้างเต็มทั้งตลาดแล้ว ก็จะเห็นจังหวะในการ Take Profit ได้ 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์