BGRIM ไตรมาส 3/65 ขาดทุน 529.33 ล้านบาท ราคาก๊าซพุ่ง - ขาดทุนค่าเงิน

BGRIM ไตรมาส 3/65 ขาดทุน 529.33 ล้านบาท ราคาก๊าซพุ่ง - ขาดทุนค่าเงิน

“บี.กริม เพาเวอร์” เผยผลดำเนินงานไตรมาส 3/65 ขาดทุน 529.33 ล้านบาท ลดลง 218.29% รับรู้ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ลั่นทิศทางธุรกิจในปีหน้า รับขึ้นค่า Ft ทุก 4 เดือน เข้าซื้อกิจการเสริมพอร์ต ช่วยหนุนการเติบโต

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 บริษัทขาดทุนสุทธิ 529.33 ล้านบาท หรือลดลง 218.29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ขณะที่ 9 เดือน ขาดทุน 699.20 ล้านบาท ลดลง 133.60% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

สำหรับไตรมาส 3/65 บริษัทมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 830 ล้านบาท (รายการที่ไม่ใช่เงินสดจากสถานะสุทธิของหนี้ และธุรกรรมอื่นที่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐ) กำไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน 17 ล้านบาท และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ที่ 529 ล้านบาท

ด้านรายได้ไตรมาส 3/65 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 56.9% เป็น 18,383 ล้านบาท และ 42.1% เป็น 47,817 ล้านบาท สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมา โดยมีปริมาณไฟฟ้าที่ขายอยู่ที่ 3,700 กิกะวัตต์-ชั่วโมง สำหรับไตรมาส 3/65 และ 10,772 กิกะวัตต์-ชั่วโมง สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมา จากราคาขายไฟฟ้าต่อให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้นจากกลไกการส่งผ่านค่าเชื้อเพลิงตามราคาก๊าซธรรมชาติ และค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 1% และ  3.7% ของปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU ในต่างประเทศ จากลูกค้าใหม่ 33.4 เมกะวัตต์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้า IU ในเวียดนาม จากการล็อกดาวน์ประเทศในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไตรมาส 3/64

ด้านกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่อยู่ที่ 25 ล้านบาท สำหรับไตรมาส 3/65 ลดลง 95.6% โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของราคาก๊าซธรรมชาติ 107.9% ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจกลุ่มลูกค้า IU ในประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีหลายปัจจัยสนับสนุนการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ประกอบด้วย การปรับขึ้นของค่า Ft ทุกๆ 4 เดือน การเข้าซื้อกิจการอื่นๆ ในพอร์ตการลงทุน การเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการโรงไฟฟ้า SPP เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และประสิทธิภาพ การขยายฐานลูกค้า IU อย่างต่อเนื่อง และการควบคุมค่าใช้จ่าย

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีดังนี้ 1. SPP Replacement ที่จะทยอย เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ (COD) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป 2.U-Tapao (Hybrid Power Plant) คาดระยะที่ 1 COD ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 66 และ ระยะที่ 2 ปี 67 3.BGPAT2 & BGPAT3 คาด COD ได้ในปี 66

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์