CPN เผยไตรมาส 3/65 กำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท โต 1,153%

CPN เผยไตรมาส 3/65 กำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท โต 1,153%

“เซ็นทรัลพัฒนา” เผยไตรมาส 3/65 กำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,153% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจบริษัท โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและธุรกิจบริการศูนย์อาหาร

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จํากัด (มหาชน) หรือ CPN แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิ  2,872.10 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น  1,153%  เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 229.18 ล้านบาท

ขณะที่ ในไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัท มีรายได้จากการดำเนินงาน 9,559 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% จากปีก่อน และ 7% จากไตรมาสก่อน อันเป็นผลมาจากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจบริษัท

โดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 นี้ เศรษฐกิจของประเทศมีความไม่แน่นอน และความผันผวนสูง โดยมีสาเหตุหลายประการด้วยกัน ในด้านปัจจัยบวกสนับสนุน ได้แก่ การเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเกือบ 4 ล้านคน เพิ่มจาก 1.5 ล้านคน ในไตรมาสก่อน ประกอบกับการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ และมาตรการรักษาความปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ต่างๆ

อย่างไรก็ดี ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบ เช่น ภาวะเงินเฟ้อซึ่งสูงขึ้นถึง 7% ในไตรมาสที่ 3 ต้นทุนพลังงาน ต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการก่อสร้างเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนทางการเงิน โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นรวม 0.5% ในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ นโยบายการปิดประเทศของจีนที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องทำให้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวหลักของประเทศเข้ามา

ธุรกิจหลักของบริษัท มีการฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม และธุรกิจบริการศูนย์อาหาร บริษัท ยังคงควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัท ดีขึ้นด้วยในไตรมาสที่ 3 นี้ บริษัทได้เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ ล่าสุด คือ เซ็นทารา โคราช จำนวน 218 ห้อง เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมให้บริการเป็นแห่งแรกของจังหวัดนครราชสีมา และของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งประกอบไปด้วยศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารที่อยู่อาศัย ตามเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมของประเทศ

สำหรับแผนธุรกิจในอนาคต บริษัทได้ประกาศแผนการขยายธุรกิจศูนย์การค้า ไปแล้ว ดังนี้

1) ต้นปี 2566 บริษัทจะเปิดโครงการใหม่คือ มาร์เช่ ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ทองหล่อ มีพื้นที่ขายสุทธิ 12,000 ตารางเมตร พื้นที่อาคารสำนักงาน 13,687 ตารางเมตรและโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยเพิ่มเติมอีกในอนาคต ด้วยเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์รวมซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านอาหารชั้นนำ โครงการนี้ใช้งบลงทุนทั้งหมด 2,223 ล้านบาท และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในต้นปีหน้า พื้นที่ส่วนอาคารสำนักงานจะบริหารโดยคู่ค้าของบริษัท คือ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)

2) ในปลายปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดโครงการ เซ็นทรัล เวสท์วิลล์ บนถนนราชพฤกษ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 6,200 ล้านบาท และมีพื้นที่ขายประมาณ 32,000 ตารางเมตร

3) ช่วงต้นปี 2567 บริษัทมีแผนเปิดโครงการ เซ็นทรัล นครสวรรค์ ด้วยงบลงทุนกว่า 4,500 ล้านบาท และมีพื้นที่ขายประมาณ 29,000 ตารางเมตร และเซ็นทรัล นครปฐม ด้วยงบลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท และมีพื้นที่ขายประมาณ 25,000 ตารางเมตร

4) ช่วงปลายปี 2567 บริษัท มีแผนเปิดโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะมีส่วนพื้นที่ศูนย์การค้า 80,000 ตารางเมตร พื้นที่อาคารสำนักงาน 90,000 ตารางเมตร โรงแรม 250 ห้อง และอาคารที่อยู่อาศัย 550 ยูนิต ด้วยงบลงทุนกว่า 46,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัท ยังคงแผนการขยาย และปรับปรุงศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่องตลอดปีนี้อีกด้วย อาทิ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัล รามอินทรา เป็นต้น

ส่วนธุรกิจโรงแรม บริษัทคาดว่าจะเปิดให้บริการโรงแรมเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่ชลบุรีภายในปลายปีนี้ และจังหวัดอุบลราชธานี ช่วงต้นปีหน้า

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์